![]() |
ตื่นมาต้มกาแฟรับแดดเช้า ศาลาหมู่บ้านปากกองตะวันออก |
เราตื่นกันได้สักพักกลุ่มแม่บ้านก็ทยอยขับรถเครื่องมาจอดหน้าศาลา ขนหม้อ กระทะ และอุปกรณ์มาวางเรียงเต็มโต๊ะ เตรียมนึ่งข้าวเหนียวและทอดหมูเค็ม เอาไปช่วยงานปอยหลวงที่หมู่บ้านข้างๆ ระหว่างที่เรากำลังต้มน้ำชงกาแฟ ชาวบ้านก็ช่วยกันห่อข้าวเหนียวด้วยใบตองกันอย่างคึกคัก วันนี้เราวางแผนกันว่าจะปั่นข้ามดอยไปนอนทะเลสาบดอยเต่า แล้วอาจจะพักขาสักวันสองวัน ถ้าบรรยากาศเป็นใจ
![]() |
แม่บ้านกำลังห่อข้าวนึ่งและเตรียมหมูเค็มกันอย่างขะมักขะเม้น |
เก็บของเสร็จก็ล่ำลาชาวบ้านออกเดินทาง หมูทอดยังไม่ทันเสร็จ แม่อุ๊ยเลยคดข้าวเหนียวห่อใบตองแบ่งให้พวกเราคนละสองห่อ น้ำใจไมตรีของชาวบ้านแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ช่วยคลายความรู้สึกขุ่นเคืองใจจากเหตุการณ์เมื่อคืนลงไปได้บ้าง
![]() |
ทางหลวงสาย 106 โค้ง ชัน และรถบรรทุกเยอะ แต่ก็สวยจนปั่นเพลิน |
เราออกเดินทางราว 8 โมงเช้า พ้นหมู่บ้านปากกองมาได้ไม่ไกลก็เริ่มไต่ดอยขึ้นเรื่อยๆ ถนนสาย 106 สภาพดีแต่ค่อนข้างชันและมีโค้งเยอะ สองข้างเป็นป่าแห้งๆ บางช่วงมีร่องรอยไฟป่าไหม้ดำ บ่อยครั้งที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่าน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ปั่นไปก็คอยเงี่ยหูฟังเสียงรถใหญ่เร่งเครื่องขึ้นดอยไป เราผลัดกันปั่นนำขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงไหล่ดอยก็เป็นทางราบ มีขึ้นลงเบาๆ ระหว่างทางสวนกับปีเตอร์นักชาวรัสเซีย เราแวะทักทายกันเล็กน้อยก็โบกมือเซย์กู้ดลักให้กันแล้วออกเดินทางต่อ ได้แต่หวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้เดินทางอย่างเขาบ้าง
![]() |
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย รอยต่อระหว่างเถิน-ลี้ |
ราวสิบเอ็ดโมงก็มาถึงอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย (ศีลธรรมเจ้า) รอยต่อระหว่าง อ.เถิน จ.ลำปางและ อ.ลี้ จ.ลำพูน พ้นจากนี้ไปก็เป็นทางลงยาวๆ สลับกับขึ้นบ้างเล็กน้อยก็ถึงทางราบแล้วก็เข้าสู่ตัวเมืองลี้ เดิมทีเราตั้งใจว่าจะปั่นไปเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า อยากจะพักขาเล่นน้ำสักคืนสองคืน แต่เมื่อสอบถามชาวบ้านที่ทางแยกตัดกับสาย 1087 เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้ทะเลสาบดอยเต่าน้ำแห้งกลายเป็นทุ่งไมยราพยักษ์ไปเกือบหมดแล้ว เลยสุมหัวกับมิตรสหายว่าจะเอายังไงดี คิดดูแล้ว ช่วงนี้เป็นหน้าแล้ง แหล่งน้ำที่พบเจอระหว่างทางยังแห้งขอด โอกาสที่ทะเลสาบดอยเต่าจะเป็นอย่างที่เขาว่าก็เป็นไปได้สูง เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผน ปั่นเข้าไปหาข้าวเที่ยงกินกันในเมืองลี้ แล้วค่อยวางแผนการเดินทางกันใหม่
![]() |
ถนนสาย 1274 ทุ่งหัวช้าง ลำพูน |
ออกจากเมืองลี้เราเข้าสาย 1274 มุ่งหน้าไปทาง อ.เสริมงาม ถนนสองเลนสายเล็กระหว่างอำเภอ สองข้างทางเป็นไร่สวนร่มรื่น สวยงาม มีเนินเบาๆ พอให้ไต่ขึ้นเป็นบางช่วง หมู่บ้านตั้งอยู่ห่างๆ กัน ตอนบ่ายอากาศร้อนมาก เราเลยแวะผูกเปลนอนที่ตูบเฝ้าสวนลำไยข้างทาง หลับได้คนละงีบก็ปั่นต่อ เข้า อ.ทุ่งหัวช้างราวสี่โมงครึ่ง แล้วก็กลับเข้าเขต จ.ลำปางอีกครั้ง มาถึงเมืองเสริมงามราวทุ่มกว่าๆ เรามองหาที่พักมาเรื่อยๆ ผ่านคลองแม่ต่ำก็แวะเข้าไปดูลาดเลา แต่ตลิ่งชันและหญ้ารกท่วมหัวจนไม่เห็นทางลง น้ำก็ดูขุ่นข้นไม่สะอาด เลยตัดสินใจเข้าไปหาที่พักในเมือง
ไปถึงวัดกลางเมือง เข้าไปถามเจ้าอาวาส ท่านไม่อนุญาต ก็เลยกลับออกมา ปั่นวนไปจนเจอโรงเรียนเสริมงามวิทยาคม เห็นประตูหน้าเปิดอยู่เราเลยปั่นเข้าไป ตั้งใจจะไปขออนุญาตกางเต็นท์สักคืน วันนี้วันเสาร์พรุ่งนี้อาทิตย์โรงเรียนหยุด คงไม่เกะกะรบกวนจนเกินไป เราปั่นวนไปจนทั่วก็ไม่เจอนักเรียนหรือครูสักคน เลยปรึกษากันว่าจะเอายังไงกันดี จะ “ลักพัก” (Stealth Camping-แอบกางเต็นท์พักซ่อนและออกไปโดยไม่ให้เจ้าของสถานที่เห็น) หรือจะเข้าโจมตี ”ปล้นพัก” (คือถือวิสาสะเข้าไปกางเต็นท์อย่างเปิดเผย ตั้งใจให้เจ้าของสถานที่มาพบแล้วค่อยลุ้นว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่) เราตัดสินใจเลือกอย่างหลัง กางเต็นท์ริมสนามฟุตบอล ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ถ้าใครผ่านมาค่อยขออนุญาต จงใจเลือกจุดที่โล่งแจ้งเปิดเผย ให้เห็นเต็นท์ชัดเจน เพื่อบอกให้รู้ว่าเราไม่มีเจตนาร้าย เป็นเพียงนักเดินทางมาขอแวะพักเฉยๆ
![]() |
มื้อค่ำอันระทึก ข้าวหุง ไข่เจียว มาม่าต้ม และน้ำพริกเมืองลี้ห่อใบตองตึง |
สองทุ่มกว่าๆ ระหว่างที่เรากำลังหุงข้าวเย็น ก็มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามา เรารีบเข้าไปขออนุญาต ครูก็ใจดีอนุญาตให้เราพักกันตามสบาย แล้วจึงขับรถเข้าบ้านพักครูทางด้านหลัง เรารู้สึกโล่งใจ คืนนี้คงได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ แต่ราวสี่ทุ่มขณะที่เราเตรียมตัวเข้าเต็นท์ก็มีรถยนต์อีกคันแล่นเข้ามาพร้อมเปิดไฟสป็อตไลท์สว่างจ้า ส่องกราดมาที่เต็นท์พวกเรา มาถึงก็ลงจากรถแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจบัตรประชาชนพร้อมถ่ายรูปพวกเราไว้เป็นหลักฐาน สอบถามว่าเราเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ เราก็แจ้งไปว่าปั่นจักรยานเข้ามาขอกางเตนท์พักคืนหนึ่ง เมื่อหัวค่ำเจอครูก็ได้ขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว
ตำรวจพยายามชวนพวกเราไปนอนที่โรงพัก แต่เราเหนื่อยเกินกว่าจะปั่นไหว และกำลังจะเข้านอนกันแล้ว เห็นสภาพพวกเราแล้วตำรวจก็คงจะเข้าใจและเห็นใจ แล้วแอบกระซิบบอกว่าครูโทรเรียกให้มาดู เพราะเขาเคยถูกคนร้ายลอบเข้าไปจี้รัดคอ ก็เลยกลัวคนแปลกหน้า พอเข้าใจกันดีแล้วรถกระบะตราโล่จึงแล่นกลับออกไป
![]() |
แคมป์กราวด์ที่เราเข้าโจมตีเมื่อคืนนี้ |
เราได้แต่ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ รู้สึกเคืองครูไม่น้อยที่อนุญาตพวกเราแล้วแต่กลับโทรเรียกตำรวจ แต่ก็พยายามทำความเข้าใจว่าเขาเคยโดยปองร้ายมาก่อนก็คงไม่สบายใจนัก ต่อไปเราคงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น คืนนี้เลยมีเรื่องตื่นเต้นก่อนนอนอีกแล้ว เกือบได้ไปนอนโรงพักกันแล้วไหมล่ะ
การเข้าโจมตีย่อมมีความเสี่ยง นักปั่นพึง "Pitch your tent at your own risk" กันเอาเองนะครับ ;-)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dst 95.6 km, Av 16.7 kmph, Mx 77.2 kmph, Tm 5.42 kmph
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น