วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

Trip วงกลม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน วันที่ 3 (17/2/15) : แม่แจ่ม-บ้านห้วยบง

ที่พักเมื่อคืน กระท่อมเผ้านาริมน้ำแม่แจ่ม


เช้านี้หมอกลงเต็มน้ำแม่แจ่มที่ด้านหลังกระท่อม เราลงไปตักน้ำในแม่น้ำมาต้มกาแฟ นั่งจิบแกล้มภาพวิถีชีวิตยามเช้า ทุ่งนาขั้นบันไดด้านหน้ายามนี้กลายเป็นแปลงผัก และข้าวโพด ชาวบ้านลงงานกันตั้งแต่หัวรุ่ง  พอสายๆ เราเก็บของ ปั่นไปหามื้อเช้าในตลาดแม่แจ่ม


แม่อุ๊ยกำลังทอผ้าซิ่นตีนจก ที่บ้านท้องฝาย

วันนี้เราตั้งใจไว้ว่า ก่อนออกเดินทางต่อ จะปั่นเที่ยวในเมืองแม่แจ่มสักหน่อย ที่นี่มีวัดหลายแห่งน่าสนใจแต่เรามีเวลาจำกัด เลยตกลงไปเที่ยวศูนย์เรียนรู้การทอผ้าซิ่นตีนจก บ้านท้องฝาย  ออกจากตลาดก็มีป้ายบอกตลอดทาง  ผ่านไร่หอมกระเทียม ข้ามน้ำแม่แจ่มสักพักก็ไปถึง อาคารด้านหน้าเป็นศูนย์จำหน่ายผ้าซิ่น ผ้าฝ้ายทอมือและสินค้าโอท็อปของหมู่บ้าน อาคารข้างๆ มีแม่อุ้ยสองสามคนกำลังนั่งทอผ้าซิ่นตีนจก แม่อุ้ยบอกว่าผ้าซิ่นตีนจกมีแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ “เอวซิ่น” กว้างประมาณ 1 คืบ “ตัวซิ่น” กว้าง 50 ซม. และ “ตีนซิ่น” หรือ “ตีนจก” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะเป็นส่วนที่อวดความงามของซิ่นทั้งผืน ตีนจกจะมีลวดลายหลากหลายกว่าสิบแบบ ใช้เวลาทอเฉพาะส่วนนี้ก็ร่วมเดือน  ผ้าซิ่นตีนจกทั้งผืนจึงมีราคาพอสมควร

ริมถนนสาย 1088 หลังออกจากจากแม่แจ่ม


ก่อนออกจากแม่แจ่มเราแวะตลาดอีกครั้ง ตุนเสบียงมื้อเที่ยงไว้ก่อน เพราะดูจากแผนที่แล้วข้างหน้ามีแต่ดงดอย กว่าจะเริ่มออกเดินทางสิบเอ็ดโมงกว่า ปั่นไปตามถนนสาย 1088 ผ่านย่านชุมชนมาสักหน่อยถนนก็ค่อยๆ ยกระดับความชันขึ้นเรื่อยๆ ภูเขาข้างๆ เป็นซากไร่ข้าวโพดแห้งๆ ที่ลุ่มด้านล่างเป็นผืนนาขั้นบันได  ตอนเที่ยงเราแวะขากันที่น้ำออกรู แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีตาน้ำไหลออกจากริมเชิงเขา กลายเป็นธารน้ำใสในร่มเงาต้นไม้ เป็นที่พักผ่อนของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวยามหน้าแล้ง

ร่องรอยไฟป่าใหม่ๆ ริมถนนสาย 1088


พอหายเหนื่อยก็ออกปั่นต่ออัดขึ้นเนินมาเรื่อยๆ สองข้างทางเริ่มกลายเป็นป่าเต็งรังแห้งๆ บางช่วงมีรอยไฟป่าไหม้ดำลามมาถึงถนน รอยใหม่ๆ ยังได้กลิ่นควันไฟลอยมาจางๆ   วันนี้แดดจ้า ฟ้าสีครามเข้ม ตอนเช้าหนาวสุดๆ พอกลางวันก็ร้อนสุดๆ  ขาขึ้น ขึ้นสุดๆ ขาลงก็ลงสุดๆ  ถนนสายนี้ลัดเลาะไหล่เขาขึ้นลงให้ออกเหงื่อตลอดทาง  ข้างทางเป็นป่าสลับกับไร่ข้าวโพดแห้งๆ ที่ลุ่มมองลงไปเห็นนาขั้นบันไดลดหลั่นเป็นชั้นเชิงสวยงาม  เราผลัดกันนำแล้วขึ้นไปพักขากินน้ำรออยู่บนยอดดอย

แวะซื้อน้ำ ตุนเสบียงที่ร้านค้า บ้านแม่นาจร

ราวบ่ายสองก็เข้าเขตบ้านแม่นาจร เราแวะพักกินข้าวเที่ยงกันที่ริมน้ำแม่แจ่ม ขึงเชือกตากผ้าแล้วนอนงีบกันสักพัก  บ่ายสามก็ตื่นเก็บของออกปั่นต่อ อีกสักพักก็ถึงหมู่บ้านแม่นาจร ผมแวะซื้อน้ำและเสบียงที่ร้านค้า แล้วขึ้นอานปั่นผ่านหมู่บ้านออกมา แล้วก็เริ่มงัดดอยชันๆ ยาวๆ มาเรื่อยๆ จนถึงสามแยก เราเลี้ยวซ้ายตรงไปทางขุนยวม เข้าสาย 1263 ถนนสภาพพอใช้ได้ ไม่มีไหล่ทาง แต่รถก็วิ่งน้อย  สองข้างทางมีไร่ข้าวโพดสลับกับผืนป่าแห้งๆ สุดสายตา  แสงยามเย็นสีทองอุ่นสองทาบทิวเขาและยอดหญ้างามจับตา จนอดแวะถ่ายรูปไม่ได้  ทรมานสังขารมาเกือบตลอดวันได้มาเสพบรรยากาศแบบนี้ แทบหายเหนื่อย รู้สึกว่าหัวใจสูบฉีดเอนดอร์ฟินจนหลั่งล้น มัน...อิ่มเอิบ


แนวไฟป่าบนทิวเขาข้างทาง ยิ่งมืดก็ยิ่งเห็นชัดเจน


หกโมงกว่าแล้ว แต่ยังหาที่พักเหมาะๆ ไม่ได้  พอเริ่มค่ำ แนวไฟป่าบนทิวเขาก็ชัดเจนขึ้น บางช่วงไฟลามมาใกล้ถนน ควันไฟพาเศษขี้เถ้าลอยคลุ้งแสบจมูก แสบตา จนเราต้องรีบปั่นผ่านไปให้เร็วที่สุด  เปิดไฟไนท์ไรด์ตะกายดอยหนี(ควัน)ไฟป่ามาเรื่อยๆ

ราวสองทุ่มมาถึงบ้านห้วยบง พอพ้นสะพานข้ามลำธารเล็กๆ ก็เริ่มคุ้น มองไปข้างๆ เจอบ้านที่สร้างยังไม่เสร็จหลังนั้น หลังเดียวกับที่ผมเคยมาแอบพักสมัยเป็นพระเมื่อห้าปีก่อน เดินธุดงค์จากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน ตอนนั้นแค่ขึ้นเสามุงหลังคา ติดโครงเครื่องไม้ไว้หยาบๆ มาคราวนี้เริ่มกั้นผนัง เทพื้นแล้วแต่ยังไม่เรียบร้อย  เราย่องเข้าไปดูลาดเลา ไม่มีใครอยู่ จะไปขออนุญาตจากบ้านใกล้ๆ ชาวบ้านก็ดับไฟนอนกันหมดแล้ว  เลยขอต้องอนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง Stealth Camping สักคืน  เราเข็นจักรยานเข้าไปจอดใต้ถุนบ้าน กางเต็นท์หุงข้าวทิ้งไว้แล้วลงไปอาบน้ำในลำธาร ช่วงนี้น้ำน้อยแต่เย็นจัดจนคางสั่น  เสร็จแล้วกลับมาต้มมาม่าปลากระป๋อง แกล้มน้ำพริกนรกเป็นมื้อเย็นง่ายๆ  ทั่นนิวเหนื่อยจนแทบกินข้าวไม่ลง ผมต้องคะยั้นคะยอให้กินสักหน่อย  เพราะศึกนี้ยังอีกไกล  พรุ่งนี้ตั้งใจจะตื่นออกเดินทางแต่เช้า

วันนี้ได้ระยะทาง 55 กม. ความเร็วเฉลี่ย 13 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 68 กม./ชม. เวลาปั่น 4.17 ชม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น