![]() |
บ้านห้วยบงยามเช้า บนถนนสาย 1263 |
เมื่อคืนเราแอบพักที่บ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ เลยต้องรีบตื่นตั้งแต่ตีห้า กินข้าวเช้าเสร็จรีบเก็บของแล้วแอบย่องออกมาก่อนจะมีใครมาเห็น นับเป็นครั้งที่สองที่ผมแอบมาพักที่นี่ หวังว่าคราวหน้าผ่านมาเจ้าของบ้านคงเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นคงได้หิ้วอะไรติดไม้ติดมือแทนคำขอบคุณซะหน่อย
เราออกเดินทางหกโมงกว่า อากาศยามเช้าหนาวจนต้องใส่เสื้อคลุมกันลม ควันไฟยามเช้าที่ชาวบ้านหุงหาอาหารและจุดผิงไล่หนาวลอยกรุ่น กลิ่นควันไฟจากไม้ฟืนเตือนให้นึกถึงบุพกาล การค้นพบไฟครั้งแรกของมนุษย์คงยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการค้นพบเครื่องจักรไอน้ำ เราก่อไฟเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น หุงหาอาหาร ขับไล่สัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจ กลิ่นควันไฟแบบนั้นพาให้เราเข้าใกล้ธรรมชาติขึ้นอีกหน่อย
![]() |
ซากไร่ข้าวโพดบนดอย ที่บ้านห้วยบง |
พอพ้นเขตหมู่บ้านก็เริ่มงัดดอยชันๆ ยาวๆ แดดเช้าอุ่นๆ ก็ส่องมาอาบจนเหงื่อซึมๆ ข้างทางเป็นป่าหรอมแหรม ถัดไปซากไร่ข้าวโพดสลับกับป่าเต็งรังแห้งๆ ผมอัดขึ้นมารอเพื่อนอยู่ข้างไร่ข้าวโพด แวะถ่ายรูปพักขากินน้ำ สักพักเพื่อนก็ตามขึ้นมา ก่อนจะออกปั่นต่อขึ้นเนินชันๆ ยาวๆ อีกชุดใหญ่ เพื่อนผมปั่นนำไปก่อน พอจังหวะงัดดอยชันๆ เขาชะลอรถเข้าเกียร์ดังกึงกัง ผมไล่ตามไปจนทันแล้วแซงขึ้นไปรอบนยอดเนินข้างหน้า สักพักเขาเข็นตามขึ้นมา บอกว่าลงเฟืองใหญ่ไม่ได้ จอดรถลงไปดูปรากฏว่าขาตีนผีงอ คิดว่าจังหวะเปลี่ยนเกียร์ตอนงัดเนิน เขาคงกดบันไดหนักเกินไป ทำให้ตีนผีพาโซ่ไต่เฟืองไม่ทัน มันฝืนๆ ก็ยิ่งกดบันไดหนักขึ้นอีกจนตีนผีงอ ลงเกียร์ 1 ไม่ได้ ผมรื้อหามัลติทูลมาดัดตีนผีให้เพื่อนจนพอเปลี่ยนเกียร์ได้ แต่มันเสียทรงไปแล้ว กลับไปคงต้องเปลี่ยนตัวใหม่ แล้วเก็บตัวนี้ไว้เป็นที่ระลึกถึงทริปนี้
งานนี้ต้องขอบคุณ Leatherman Blast ที่พกหนักกระเป๋ามาตลอด นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้งานหนักได้จริงๆ นี่ถ้าไม่ได้มีมัน ก็ยังนึกไม่ออกว่าเพื่อนผมจะทุลักทุเลเข็นกันอีกกี่ดอย กว่าจะถึงแม่ฮ่องสอนที่พอจะหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้
![]() |
นาขั้นบันได ระหว่างทาง สาย 1263 |
ถนนสาย 1263 ช่วงนี้สภาพไม่ค่อยดี ไม่มีไหล่ทาง ตัดผ่านไหล่ดอย สันเขาชันๆ ข้างทางยังมีกอบัวตองแห้งๆ เป็นฉากหน้า ถัดไปบนไหล่เขาเป็นซากไร่ข้าวโพด ที่ลุ่มข้างล่างเป็นนาขั้นบันไดแห้งๆ ลดหลั่นเป็นชั้นๆ มีตูบเฝ้านาตั้งเป็นพร็อพอยู่ตรงกลาง นี่ถ้าเป็นฤดูฝน นาข้าวและไม้ไร่เขียวขจี ถนนสายนี้จะเป็นทางที่สวยงามน่าเดินทางผ่านมากๆ เส้นหนึ่ง
![]() |
แวะพักเที่ยงที่ร้านอาหาร บ้านปางเกี๊ย |
เรางัดขึ้นดอยชันๆ หลายลูก แล้วก็ไหลลงดอยจนมาถึงบ้านปางเกี๊ยตอนเที่ยง แวะกิน “ข้าวซอยหนะ” แม่ค้าสาวใจดีบอกว่าเป็นข้าวซอยพื้นถิ่นของพม่า แล้วแนะนำวิธีเลือกสตรอเบอรี ถ้าสุกเต็มที่เม็ดที่ผิวจะต้องเป็นสีเข้มๆ พันธุ์ลูกเล็กจะหวานฉ่ำ ถ้าชอบหวานอมเปรี้ยวต้องเลือกพันธุ์ลูกใหญ่ๆ เราถือโอกาสพักขาตากผ้าไปพลางๆ
ราวบ่ายสองออกปีนดอยกันต่อ พอลงดอยก็มาถึงบ้านปางอุ๋ง จากนั้นก็อัดขึ้นดอยชันๆ อีกหลายชุดแล้วเข้าเขตขุนยวม ป่าสองข้างทางร่มรื่น ถนนใหม่สดเส้นคมชัดต่างจากช่วงที่ผ่านๆ มา ลงดอยมาสักพักก็เริ่มเจอทางราบ พอเข้าเขตบ้านแม่อุคอก็มีเครื่องจักรกำลังซ่อมถนน เราปั่นชะลอชิดไหล่ทางมาเรื่อยๆ
ราวสี่โมงเย็นเราก็ไหลลงดอยเข้าสู่ขุนยวม จากนั้นก็ตัดเข้าสาย 108 เราแวะซื้อเสบียงมื้อเย็นที่ร้านค้าข้างทาง ถนนสายนี้สภาพดี มีไหล่ทางให้พอปั่นจักรยาน บางช่วงตัดตรงผ่านป่าเต็งรัง ส่วนใหญ่เป็นทางราบมีเนินขึ้นเบาๆ แล้วไหลลงมาถึงบ้านแม่สุรินราวหกโมงเย็น
![]() |
นักปั่นจ้าวถิ่นแวะมาทักทาย บนสะพานข้ามห้วยแม่สุริน |
หมู่บ้านเล็กๆ มีห้วยแม่สุรินไหลผ่าน เราแวะนั่งพักบนสะพานสักพักก็มีเสือเจ้าถิ่นสองสามคันแวะมาทักทาย เขาแนะนำให้พักที่วัด แต่พวกเรามันติดใจ Stealth Camping เข้าเส้นซะแล้ว จะนอนวัดก็ได้แต่ขึ้นเกียจเข้าไปขออนุญาต ที่สำคัญจะกินเบียร์ก็เกรงใจตุ๊เจ้าอีก 55
![]() |
เถียงนา (ถั่วเหลือง) ที่บ้านแม่สุริน |
จากบนสะพานเราเห็นไร่ถั่วเหลืองสุดสายตา เห็นตูบเฝ้าไร่อยู่ลิบๆ เลยจชวนกันปั่นลงไปดู นึกในใจว่าถ้าไม่มีที่พักค่อยกลับมานอนวัดก็ยังไม่สาย ปั่นลัดเลาะคันนาไปจนเจอตูบหลังเหมาะๆ อยู่บนที่ดอนรอบๆ เป็นสวนมะมวงและกอไผ่ลำขนาดน้องๆ ต้นมะพร้าว ด้านหน้ามีลำเหมืองน้ำใสสะอาด อาบน้ำหุงข้าวได้สบาย ด้านหน้าเป็นไร่ถั่วเหลืองขั้นบันไดไล่ไปจนชนทิวเขาลิบๆ ตา สวยงามมาก เราหันมามองหน้าแล้วอุทานทำนองเดียวกันว่า “เห้ย นี่มันสวรรค์ชัดๆ” บรรยากาศยิ่งกว่ารีสอร์ทซะอีก พรุ่งนี้เช้าเราตั้งใจว่าจะตื่นมาจิบกาแฟแกล้มดวงอาทิตย์
วันนี้ได้ระยะทาง 61 กม. ความเร็วเฉลี่ย 12.8 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 71.3 กม./ชม. ระยะเวลาปั่น 4.45 ชม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น