วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วันที่ 4 (10/3/16) : บ้านป่าคาใหม่ – บ้านแม่จัน

ที่พักแรมเมื่อคืนนี้


ตื่นเช้ามาพร้อมอาการมึนหัว ไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าดอยเมื่อคืนหรือเพราะนอนน้อย (กว่าจะแยกวงก็เกือบตีหนึ่ง) ลุกขึ้นมาล้างหน้า ชงกาแฟ ระหว่างรอตากผ้าก็ลงไปเซ็ทรถพลางๆ กว่าจะได้ออกเดินทางก็สิบโมงกว่า


ป้ายชี้ทางโย้เย้


พอข้ามแม่น้ำแควใหญ่ก็เริ่มมีเนินให้ไต่ขึ้น ไม่นานก็เข้าเขตเมืองอุ้มผาง ปั่นวนไปจนเจอ 7-11 แวะซื้อน้ำเติมเสบียงแล้วออกมาหาข้าวเที่ยง  ช่วงนี้อุ้มผางร้อนอบอ้าว นักท่องเที่ยวจึงไม่คึกคักอย่างหน้าหนาว  ตอนที่วางแผนทริปนี้ ตั้งใจจะปั่นเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แต่ได้ข่าวว่าเขาไม่อนุญาตให้รถจักรยานเข้าไป เนื่องจากเกรงอันตรายจากสัตว์ป่า ที่น้ำตกทีลอซูก็เช่นกัน เลยต้องเปลี่ยนแผนปั่นกลับมาทางเดิม แวะเลี้ยวเข้าไปพักขากินน้ำที่ร้านค้าปากทางแยกถนนสาย 1167 ไปน้ำตกทีลอซู

ยามบ่ายร้อนอบอ้าว ดอยก็ชัน ร่างกายก็เริ่มล้า แผนเดิมที่ตั้งใจไว้ก็ติดขัด อุ้มผางยามนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอย่างที่หวังไว้ บรรยากาศก็ไม่เป็นใจให้ปั่นจักรยานเอาเสียเลย  นั่งตัดสินใจอยู่สักพักใหญ่ เปิดกูเกิลแม็พเช็คแผนที่ ถนนสายนี้จะไปสุดชายแดนไทย-พม่าที่บ้านเปิ่งเคลิ่ง ระยะทาง 90 กม. เส้นสีขาวคดโค้งผ่านสีเขียวเข้มไปเกือบตลอดทาง หมายความว่าจะมีดงดอยให้งัดกันอีกยาวไกล  เมื่อร่างกายเหนื่อยล้า ความรู้สึกทดท้อก็มาเยือน ใจอยากจะรีบๆ กลับให้ถึงแม่สอดไวๆ อีกใจก็ว่างโหวงด้วยรู้สึกว่ายังมาไม่ถึงไหน  อาจจะด้วยลมเย็นวูบหนึ่งที่เข้ามาสะกิดว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว เมื่อห้วยขาแข้งกับทีลอซูเข้าไม่ได้ก็ปั่นต่อไปให้สุดขอบชายแดนมันซะเลย ดีกว่าปล่อยให้ถนนสายนี้ติดค้างอยู่ในอก ให้ต้องกลับมาล้างตากันอีกรอบ

ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง


เมื่อหัวใจฮึกเหิม ร่างกายก็กระปรี้กระเปร่า รีบเก็บของกระโดดขึ้นเบาะ สักพักก็เริ่มไต่ขึ้นดอยชันๆ อีกหลายชุด ราวสี่โมงกว่าก็มาถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีทางแยกซ้ายเข้าน้ำตกทีลอซู  แม้น้ำตกแห่งนี้จะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวแต่เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่ออนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ไม่ได้เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างอุทยานแห่งชาติ  จึงมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวค่อนข้างเคร่งครัด ที่สำคัญถนนเข้าสู่น้ำตกก็เป็นเพียงถนนดิน เจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้เพียงรถกระบะเข้าไป แต่หากเป็นหน้าฝนก็จะให้รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น  ไม่อนุญาติให้รถมอเตอร์ไซค์และจักรยานเข้าไป

ถนนบางช่วงกำลังปรับปรุง


ออกปั่นต่อได้สักพักก็เริ่มเข้าเขตซ่อมถนน รถบรรทุก และเครื่องจักรใหญ่กำลังบดอัดถนนฝุ่นคลุ้ง ต้องใช้ผ้าปิดจมูก ปั่นเลาะไหล่ทางมาเรื่อยๆ ถนนช่วงถัดมาสภาพก็ทรุดโทรม มีหลุมบ่อเกือบตลอดทาง สองข้างทางเป็นป่าทึบแห้งๆ แทบจะหาสัญญาณโทรศัพท์ไม่ได้เลย  หกโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นวี่แววหมู่บ้านข้างหน้า ลำธารที่พอจะมีน้ำให้พักแรมก็ยังไม่เจอ น้ำขวดใหญ่ที่พกมาสองขวดหมดไปแล้วหนึ่ง แรงเริ่มหมด ความท้อแท้สิ้นหวังกลับมารุกคืบอีกครั้ง กัดฟันปั่นต่อไปพักบนยอดเนินเล็กๆ ยกขวดน้ำขึ้นจิบ พอเปิดโทรศัพท์เจอคลื่นก็รีบเชคแผนที่ หมู่บ้านถัดไป บ้านแม่จันเหลืออีก 11 กม.

พักขาหา 3G และหมู่บ้านถัดไป


เหนื่อยล้า สิ้นหวังสุดๆ แต่พอนึกถึงหมู่บ้านข้างหน้า กำลังใจก็เริ่มคืนมา กินขนมเพิ่มพลังงานแล้วซดน้ำตามอึกใหญ่ กระโดดขึ้นเบาะ งัดดอยขึ้นลงมาเรื่อยๆ สักพัก แสงไฟในหมู่บ้านก็สว่างขึ้นอยู่ลิบๆ ตาพาให้ใจชื้นขึ้นทันที  ถนนสภาพทรุดโทรมแต่ไฟข้างถนนสว่างจ้า แวะซื้อเสบียงที่ร้านค้าในหมู่บ้านแล้วถามหาที่พัก เขาแนะนำ “สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์” ฟังชื่อเหมือนนิยายจีนกำลังภายใน ปั่นเข้าไปขออนุญาตหลวงพี่ ท่านแนะนำให้กางเต็นท์นอนใต้ศาลาไม้สักหลังใหญ่ ข้างๆ มีห้องน้ำเรียงรายสะอาดสะอ้าน กลางคืนเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย

ที่พักนอน ใต้ศาลาไม้สักหลังใหญ่ สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dst 60 kph. / Av 12.8 kph. / Tm 5.25 h

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น