วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วันที่ 7 (13/3/16) : บ้านแม่กลองคี – บ้านอุ้มเปี้ยม

บรรายากาศยามเช้าริมน้ำแควใหญ่


ออกจากเต็นท์มานั่งรับแดดอุ่น ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านขุนดอย ฟังเสียงน้ำแควไหลเอื่อยๆ จิบกาแฟพลางนั่งดูชาวกะเหรี่ยงขับรถอีแต๊กลงน้ำ บ้างก็วิดน้ำลูบหน้าตา ล้างรถก่อนเข้าไร่   จัดการมื้อเช้าเสร็จแล้วก็ออกไปลาพี่ตำรวจ ตชด. ปั่นกลับเข้าหมู่บ้านไปซื้อน้ำขวดใหญ่ตุนไว้อีกสองขวด ถือโอกาสวอร์มแข้งขาก่อนตะกายดอยฟ้า

พ้นเขตบ้านแม่กองคีออกมาถนนก็ค่อยๆ ยกระดับชันขึ้นพร้อมๆ กับทิวเขาสลับซับซ้อนที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ สมชื่อ “ดอยฟ้า” ที่ป้าย “ทางลงยาว 6 กม.” เมื่อสี่วันก่อนเคยทำให้หัวใจลิงโลด มาวันนี้ต้องไต่กลับขึ้นไปทางเดิม  หมายความว่า จะต้องเจอ “ทางขึ้นยาว 6 กม.” ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในช่วงที่โหดที่สุดของทางหลวงสาย 1090 นี้  ทางขึ้นชันและยาวจนต้องลากเกียร์ 1x1 กันยาวๆ  หมดแรงเอากิโลเมตรที่ 3 ต้องจอดแวะกินน้ำ พักเหนื่อยแล้วขึ้นอานอัดต่อไปอีกกิโลฯ แล้วก็หยุดพักปาดเหงื่อค่อยๆ ตะกายไปทีละกิโลฯ  ช่วงสุดท้ายผ่านจุดชมวิวถนนลอยฟ้า มีการปรับไหล่ทางให้รถจอดหยุดพักชมวิว แล้วก็ถึงทางลงเขายาวๆ จนถึงป้ายเตือน ทางลงยาว 6 กม. ที่แวะถ่ายรูปตอนขามา

จะขาขึ้นหรือขาลง ก็ยาว 6 กม. เท่ากัน

ทางบนดอยมีให้เลือกสองทาง คือทางสวรรค์ กับทางนรก แน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมปรารถนาทางแรก แต่เมื่อเลือกที่จะลงสวรรค์แล้ว ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไต่ขึ้นนรกด้วย

ภูเขาบอกอะไร บอกว่าทุกอย่างย่อมมีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ตะกายขึ้นไปสักแค่ไหนเมื่อถึงยอดก็ต้องลง เมื่อลงไปจนสุด เดี๋ยวก็ต้องมีขึ้น  ขาขึ้นอัดเต็มที่ได้ 5-6 กม./ชม. พอขาลงไหลไป 50-60 กม./ชม.  ตอนตะกายขึ้นอัดกันเป็นชั่วโมง พอขาลงใช้เวลาไม่กี่นาที เสื้อชุ่มเหงื่อแห้งภายในพริบตา  ทางเดียวที่จะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องปั่นไป  ไม่ขึ้นเขาก็ไม่มีทางไปถึงยอดเขา

ไฟป่าริมถนนสาย 1090 

ผ่านดอยฟ้าลงมาก็เจอดอยชุดย่อมๆ อีกหลายชุดแต่ไม่โหดเท่า  ยามสาย อากาศเริ่มร้อนจนต้องพักกินน้ำมาตลอดทาง บ่างช่วงเจอไฟป่ากำลังไหม้โลมเลียมาถึงขอบถนน ควันไฟและกลิ่นใบไม้ไหม้คละคลุ้ง ต้องดึงผ้าปิดจมูก รีบปั่นผ่านให้เร็วที่สุด  พอผ่านบ้านแม่กลองน้อยถนนก็เริ่มชันขึ้นให้พอได้อัดจนเหงื่อชุ่มอีกครั้ง

จากบ้านแม่กลองคีมาตลอดทางยังไม่เจอร้านอาหารให้ฝากท้อง บ่ายสองกว่าแล้วยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง แดดร้อนเปรี้ยง ทางก็เปลี่ยว ถนนกำลังบดอัด รถวิ่งทีฝุ่นคลุ้งจนต้องปิดจมูก  ดอยข้างหน้าก็ดูเหมือนจะชันขึ้นและยาวไกลไร้จุดสิ้นสุด ท้องหิวจนตาลาย ขาสั่น  พอกำลังกายเริ่มจะหมด กำลังใจก็ชักจะร่อยหรอ สุดท้ายต้องแวะข้างทาง นั่งพักกินน้ำแกล้มขนม และขอเวลาทำใจสักนิด

ไต่ขึ้นมาถึงยอด แล้วค่อยมองย้อนกลับไป

ได้พักกินน้ำและขนมไปนิดหน่อยพอแก้หน้ามืดตาลาย ใจสงบลงบ้าง ก็กลับขึ้นอาน ค่อยๆ ควงขาไต่ดอยขึ้นมาเรื่อยๆ พ้นโค้งผ่านเนินนั้นขึ้นมา ก็พบว่าภาพทางชันตอนก่อนหน้า ก็แค่ความกลัวที่เราสร้างขึ้นเอง จากความทุรกันดารแวดล้อมและสภาพร่างกายที่หิวโซ  พอท้องเริ่มอิ่ม ดวงตาเริ่มใส สติและกำลังใจกลับมา เลือดลมก็สูบฉีดอีกครั้ง  เข้าใจเลยว่าทำไมกองทัพถึงต้องเดินด้วยท้อง  แม้จักรยานจะปั่นด้วยน่อง แต่ท้องก็ต้องอิ่ม

มื้อนี้ต้องจัดหนัก ผัดกระเพราหมูและเส้นเล็กน้ำตก

มาถึงหน่วยบริการข้อมูลทางหลวงบ้านอุ้มเปี้ยมบ่ายสามโมงครึ่ง รีบตรงดิ่งไปที่ร้านอาหารสั่งผัดกระเพราและก๋วยเตี๋ยวอีกชาม ตามด้วยน้ำหวานอีกขวด จัดเต็มให้หายหิว ให้รางวัลแก่สังขารนี้สักหน่อยที่อุตส่าห์ดั้นด้นกลับมาได้  กินอิ่มแล้วออกมาปูผ้ากราวด์ชีตนอนพักขาที่ใต้พุ่มไม้ข้างหลัง คืนนี้จะพักแรมที่นี่อีกคืน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Dst 47.28 km / Av 10.2 kmph / Mx 65.4 kmph / Tm 4.36 h

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น