![]() |
ริมถนนสาย 1175 แม่ระมาด ตาก |
ตื่นพร้อมกับเสียงเด็กๆ เข้ามาเตรียมอาหารเช้าในโรงครัวข้างๆ ระหว่างที่เรานั่งกินกาแฟ เด็กน้อยก็เข้ามาแอบซุ่มอยู่บนบันไดข้างๆ พอแกล้งหันไปมองก็ก้มหลบ สักพักคนอื่นๆ ก็ตามเข้ามาสมทบไล่เรียงกันจนเต็ม ระหว่างที่กำลังเก็บของ ก็มีเด็กใจกล้าบางคนเข้ามาทักทายนักปั่นแปลกหน้า พลางลูบคลำรถถีบคันใหญ่ รถถีบบนดอยว่าหาดูยากแล้ว ยิ่งเจอรถทัวริงขนกระเป๋ารุงรังในโรงเรียนด้วยก็คงเป็นของแปลกไม่น้อย คนหนึ่งเข้ามาสักพักคนที่เหลือก็กรูตามกันมา เราปล่อยให้เด็กๆ สัมภาษณ์และเล่นรถถีบกันให้เต็มที่ เผื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า ใครบางคนอาจโตขึ้นไปเป็นนักเดินทางท่องโลก อย่างที่เขาเคยเห็นตอนเด็กๆ
![]() |
เด็กนักเรียนซุ่มมองรถถีบของนักปั่นแปลกหน้า |
เราออกเดินทางราวแปดโมงเช้า พร้อมๆ กับเสียงประกาศเรียกนักเรียนมาเข้าแถวเคารพธงชาติ ขอบคุณครูที่เข้ามาทักทายแล้วปั่นกลับไปทางประตูหน้า แวะซื้อเสบียงและน้ำที่ร้านค้าตรงข้าม ก่อนจะกระโดนขึ้นอาน วันนี้ทางเริ่มชันตั้งแต่ออกตัว อัดขึ้นเนินมาสักพักก็ถึงทางลงแล้วก็ไต่ขึ้นลงดอยอีกหลายลูก ถนนช่วงแรกสภาพดี แต่บางช่วงก็ผุพังเป็นหลุมบ่อ ข้างทางเป็นป่าทึบ บางช่วงก็เป็นซากไร่ข้าวโพด เราแวะชมไร่กะหล่ำปลี สีเขียวสดตัดกับดอยแห้งดูสดชื่น
![]() |
ไร่กะหล่ำปลีบนดอย ริมถนนสาย 1175 |
ตอนเที่ยงก็มาถึงบ้านกิ่วสามล้อ แวะที่ร้านค้าข้างทาง สั่งน้ำแข็งใสหวานๆ เย็นๆ มากินกันคนละถ้วย ถือโอกาสนั่งพักขาคุยกับชาวบ้าน เขาเล่าให้ฟังว่า หลายปีก่อนบนดอยแถวนี้มีแต่กะหล่ำ มาช่วงหลังราคาตก แต่ยากับปุ๋ยแพงขึ้น เลยเปลี่ยนไปทำไร่ข้าวโพด เพราะราคาดีกว่า ใช้ปุ๋ยยาน้อยกว่า แถมมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ “ปีหน้าก็ไม่รู้จะยังไง อะไรขายได้เราก็ปลูกอันนั้นละ...ลูกยังต้องไปโรงเรียน รถกระบะก็ยังต้องผ่อน” เราก็ได้แต่ยิ้มตอบ ตามประสาหัวอกชาวไร่ชาวสวน (ปาล์ม) เหมือนกัน
![]() |
ซ้าย-โปรตีนเกษตร ขวา-ชาพม่า ถุงเล็กๆ ข้างๆ คือลูกตะกั่วสำหรับปืนแก้ปล่าสัตว์ |
![]() |
ชาพม่า รสชาติคล้ายๆ ชาอู่หลง |
เท่าที่สังเกตของที่จะพบเจอตามร้าค้าชาวบ้านตลอดทางจากอุ้มผางมาถึงนี่ก็จะเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง ผักสดคล้ายๆ กัน แต่ที่แปลกจากที่อื่นก็คือ ชาและยาเส้นพม่า อาจจะเพราะอยู่ใกล้ชายแดน และที่น่าประหลาดใจก็คือ “โปรตีนเกษตร” ใส่ถุงเล็กๆ แบ่งขายอยู่ทั่วไปเหมือนกับมาม่า ปลากระป๋อง ใครจะคิดว่าบนดอยหาโปรตีนเกษตรง่ายกว่าในเมืองเสียอีก แสดงว่ามีคนบนดอยกินอาหารมังสวิรัติอยู่ไม่น้อย .ในยามที่เบื่อมาม่าและปลากระป๋อง ก็ได้โปรตีนเกษตรมาผัดกับกะหล่ำ ต้มกับผักกาดดอง หรือจะทอดไข่เจียว ปรุงดีๆ ออกมาอร่อยไม่แพ้เนื้อสัตว์เลยทีเดียว
ตอนออกทริป มื้อเช้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นกาแฟและขนม มื้อเที่ยงก็หาเอาระหว่างทาง พอมื้อเย็นมักจะเข้าที่พักมืดค่ำเลยต้องหุงหากินเอง กินข้าวกับมาม่าต้มปลากระป๋องบ่อยๆ ก็เบื่อ แม้จะได้น้ำพริกแก้เลี่ยนก็เถอะ อยากได้อาหารสดติดรถไว้บ้างแต่ก็ลำบากเรื่องการจัดเก็บ จนกระทั่งได้มาเจอกะหล่ำปลี ด้วยลักษณะที่ใบห่อแน่นเป็นหัวกลมแป้น จึงเก็บง่าย ช้ำยาก หาได้ง่ายในร้านค้าข้างทางทั่วไปเวลาจะใช้ก็แกะออกทีละใบๆ ทำได้หลายเมนู ทั้งผัด ต้ม เป็นผักจิ้มน้ำพริก กะหล่ำปลีหัวนี้ได้มาจากบ้านนุเซะโปล้ที่อุ้มผาง เมื่อหกวันก่อน หัวหนึ่งกินคนเดียวได้ร่วมสัปดาห์ นับเป็นผักที่คุ้มค่าแก่การพกพายามออกทริปยิ่งนัก
หายเหนื่อยแล้วขึ้นอานออกปั่นต่อ พอผ่านช่วงดอยชันๆ ก็เริ่มเป็นขาลง จากป่าทึบร่มเย็นกลายเป็นป่าแห้งๆ อากาศร้อนอบอ้าวเข้ามาปะทะ เหมือนจะบอกว่าเรากำลังข้ามแม่ระมาดเข้าเขตบ้านตากแล้ว ไม่นานก็ผ่านวัดพระบรมธาตุ เราเลี้ยวเข้าสาย 1107 เข้าสู่ย่านตัวเมืองบ้านตากราวบ่ายสามโมง แวะจัดการมื้อเที่ยง เสร็จแล้วก็โทรหามิตรสหายทั่นหญิง เย็นนี้ตั้งใจจะไปอาศัยนอนที่บ้านหลังใหม่สักคืน
![]() |
พ่อต้อง กัปตัน และแม่หญิงในแม่น้ำปิง |
ได้พิกัดแล้วก็ออกปั่นย้อนกลับไปทางเดิมตรงไปบ้านแม่ยะ ตามที่มิตรสหายแชร์ให้มาใน Google Map ไปถึงบ้านสักพัก พี่โต้งเจ้าบ้านก็มาถึงพร้อมน้ำแข็งถุงใหญ่ ตามมาด้วยแม่หญิงและกัปตันคุง ลูกชายตัวจ้ำม่ำวัยกำลังซน พอเห็นเรามากันเหนื่อยๆ น้ำท่ายังไม่ได้อาบ เจ้าบ้านเลยชวนไปเล่นน้ำ บริเวณที่แม่น้ำวังไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง ยามนี้น้ำไม่เยอะมากแต่ก็เชี่ยวและเย็น ช่วงใกล้ๆ ตลิ่งน้ำตื้นแค่หน้าแข้ง ใสจนมองเห็นก้อนกรวดเม็ดเขื่องที่พื้นน้ำ แม่หญิงกับพ่อต้องคอยดูลูกชายตัวแสบ ที่ลงไปว่ายดำผุดดำเล่นสนุกสนาน
![]() |
มิตรสหายทั่นนิวนอนแช่น้ำสบายใจ |
เราก็นอนแช่น้ำกันสบายใจ นานแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำแบบนี้ ปล่อยให้แม่น้ำพัดพาคราบฝุ่นไคล และความเมื่อยล้าออกไป นำพาความสะอาด สงบและสดชื่นกลับคืนมา
![]() |
น้ำใส ไหลเย็น เห็นพื้นกรวด |
จากเมฆหมอกบนดอยสูงไหลลงมาเป็นลำห้วย รวมตัวกันเป็นลำน้ำ ผ่านป่าเขา บ้านเรือน เขื่อนกั้น ไหลลงภาคกลางออกสู่ทะเลอ่าวไทย ก่อนจะถูกแดดอุ่นไอระเหยเป็นมวลเมฆ ลอยกลับมาคลุมผืนป่า ควบแน่นเป็นหยดน้ำ แม่น้ำ ทะเลอีกครั้ง หมุนวนไปเช่นนั้น ชีวิตบนหลังอานก็คล้ายๆ กัน ปั่นควงขาเวียนไปรอบแล้วรอบเล่า หมุนวนไปเรื่อยๆ คอยเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทาง
กลับถึงบ้านพ่อครัวต้องก็จัดการปรุงอาหารเลี้ยงแขกเต็มโต๊ะ แถมแม่แดง-แม่ของหญิงพอรู้ว่าเรามาเยือนก็ต้มพะโล้มาให้อีกหม้อใหญ่ เครื่องดื่มก็แช่เย็นไว้แล้วเต็มถัง ดูท่าราตรีนี้จะมีเรื่องราวให้เสวนากันอีกยาวไกล
ปล.ขอขอบคุณพ่อต้อง แม่หญิง กัปตัน และแม่แดง ที่ดูแลเราเป็นอย่างดี
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Dst 71.18 km / Av 16.9 kmph / Mx 71.7 kmph / Tm 4.12 h
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น