![]() |
กางเต็นท์ใต้ต้นมะไฟริมน้ำ |
ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเจ้าหน้าที่อุทยานกวาดใบไม้ดังแกรกกราก ยามเช้าอากาศเย็นสบาย เสียงน้ำตกไหลซู่ซ่าอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่นับเสียงนกและแมลงบางชนิดที่เริ่มร้องดังระงม บรรยากาศโดยรวมก็นับว่าเงียบสงบ เพราะมีนักปั่นมากางเตนท์อยู่หลังเดียว ต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนม อิ่มแล้วก็นอนเปลอ่านหนังสือ วันนี้ตั้งใจจะพักขาสักวัน
![]() |
น้ำตกพาเจริญ |
น้ำตกพาเจริญตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพาเจริญ ห่างจากถนนสาย 1090 เข้ามาประมาณ 700 ม. เป็นน้ำตกหินปูนสวยงาม สูงลดหลั่นกันลงมานับได้ 97 ชั้น จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำตกร่มเกล้า 97 ชั้น” มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นต้นน้ำของลำห้วยแม่ละเมาและห้วยอุ้มเปี้ยม ด้านหน้าน้ำตกมีร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ และห้องน้ำให้บริการ ด้านข้างเป็นที่ทำการอุทยานและบ้านพักเจ้าหน้าที่ ช่วงเที่ยงวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่น ทั้งชาวไทยและชาวพม่าที่เข้ามาขายแรงงานในเมืองแม่สอด
ตอนสายๆ ออกเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติข้างน้ำตก เดินเลาะเลียบไล่จากชั้นล่างขึ้นไป ช่วงที่ชันๆ หน่อยก็ปรับดินและเทคอนกรีตเป็นขั้นบันได ข้างๆ มีราวให้จับ ฤดูแล้งน้ำไม่เยอะแต่ก็ใสสะอาด ไหลเป็นสายลงในวังเล็กวังน้อย ที่มีขอบเป็นหินปูนมนๆ ราวกับอ่างน้ำ น่าลงไปแช่ ระหว่างที่เดินขึ้นไปก็เจอถุงพลาสติก แก้วน้ำ หลอดพลาสติก เปลือกลูกอม ถุงขนม ขวดน้ำ ฯลฯ กว่าจะกลับลงมาถึงข้างล่างก็ได้เศษขยะมาเต็มสองมือ ถือซะว่าได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้เจ้าหน้าที่อีกแรงหนึ่ง
ช่วงกลางวันอาศัยฝากท้องที่ร้านอาหารของอุทยาน พอตอนเย็นร้านปิดก็ต้องออกไปหาเสบียงที่ร้านค้าปากทาง แล้วกลับมาหุงข้าวทำกับข้าวง่ายๆ ช่วงหัวค่ำมีรถกระบะคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ชายหญิงสามสี่คนลงมาพร้อมไฟฉายคาดหัว เดินส่องตามต้นไม้ไล่ไปเรื่อยๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นคณะสำรวจธรรมชาติ พอได้คุยด้วยถึงรู้ว่าเป็นชาวบ้านมาจับจักจั่น เขาบอกว่าฤดูนี้ตัวอ่อนจะออกจากดินปืนขึ้นมาลอกคราบตามต้นไม้ เพื่อเป็นจักจั่นตัวเต็มวัย รอให้ปีกแข็งแล้วจะออกบินตอนรุ่งเช้า ตัวที่โชคไม่ดีก็จะถูกจับไปคั่วหรือขาย กิโลละหลายร้อยบาท
![]() |
เริ่มลอกคราบ เวลา 20.11 น. |
![]() |
เวลา 20.47 น. |
![]() |
เวลา 21.37 น. |
![]() |
เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 8.38 น. |
การเฝ้าดูจักจั่นลอกคราบว่าน่าอัศจรรย์แล้ว พอได้รู้จักจรชีวิตของพวกมันก็ยิ่งว้าวเข้าไปอีก หลังจากผสมพันธุ์แล้วตัวเมียจะวางไข่ไว้ที่เปลือกไม้ อีก 4 เดือนก็จะฟักเป็นตัวอ่อน ลงไปอาศัยอยู่ใต้ดิน กินน้ำเลี้ยงจากรากพืชอยู่ 4-6 ปี จากนั้นจะขึ้นมาลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยอีก 1-2 ปี แล้วจึงหาคู่ ผสมพันธุ์กันช่วงหน้าแล้ง จึงเป็นที่มาว่าทำไมเรามักได้ยินเสียงจักจั่นดังลั่นเป็นพิเศษในช่วงนี้ จักจั่นตัวผู้สามารถร้องเสียงดังถึง 200 เดซิเบล ส่วนตัวเมียไม่มีเสียง ที่น่าทึ่งก็คือมีจักจั่นฝรั่งบางสายพันธุ์อาศัยอยู่ใต้ดินนานถึง 17 ปี ก่อนจะขึ้นมาเป็นตัวเต็มวัยอีกปีหนึ่ง รวมแล้วมีวงจรชีวิตยาวนานถึง 18 ปีเลยทีเดียว ส่วนจักจั่นไทยมีวงจรชีวิตประมาณ 2-15 ปีแล้วแต่สายพันธุ์
ธรรมชาติรอบตัวเราล้วนแต่มีความลับอันน่าทึ่ง เมื่อได้รับรู้ความจริง เสียงที่เคยดังลั่นน่าหนวกหู กลับกลายเป็นความน่ารื่นรมย์ คืนนี้หลับใต้ต้นมะไฟ ต้นที่จักจั่นปีนขึ้นไปลอกคราบ รอสยายปีกรับอรุณรุ่ง และถัดลงไปใต้กราวด์ชีต จักจั่นน้อยอีกมากมายก็คงกำลังดูดกินน้ำเลี้ยงจากรากไม้ต้นนี้ เราต่างก็เป็นส่วนหนึ่ง ร่วมอิงอาศัยธรรมชาติด้วยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น