![]() |
มิตรสหายร่วมทาง บนถนนสาย 12 ดอยมูเซอ |
รถทัวร์พาผมมาถึงสถานีขนส่งตากตอนตีสี่ แพ็ครถเปลี่ยนชุดเสร็จตีห้าครึ่ง ออกปั่นวอร์มขาตรงไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำปิง เลี้ยวซ้ายปั่นเลียบแม่น้ำไปตามไบค์เลนที่เพิ่งขีดเส้นใหม่ ฟ้ายังมืด อากาศเย็นสบาย สวนกับนักปั่นเจ้าถิ่นสองสามคัน สักพักก็ตัดเข้าสายพหลโยธิน แล้วเลี้ยวขวาเข้าสาย 12 ไปแม่สอด
![]() |
โยฮานน์ หนุ่มน้อยนักปั่นชาวเยอรมัน ระหว่างงัดดอยรวก |
ปั่นมาได้สักพักก็เจอแสงไฟสีแดงสว่างแวบอยู่ลิบๆ พอเข้าใกล้ก็เห็นว่าเป็นรถจักรยานทัวริง ฟูลโหลด แขวนกระเป๋าหน้าหลังเต็มพิกัด เลยปั่นตีคู่เข้าไปทักทาย เขาแนะนำตัวว่าชื่อ โยฮานน์ อายุ 20 ปี เป็นชาวเยอรมัน เริ่มทริปที่เวียดนามเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เข้าเขมร ลาว ไทย กำลังจะไปแม่สอดเพื่อเข้าพม่า ตั้งใจจะไปอินเดียแล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับบ้าน
![]() |
ทางหลวงสาย 12 ช่วงดอยรวก กำลังขยายถนน |
ถนนสายนี้กำลังขยายเป็น 4 เลน มีการระเบิดภูเขาที่บริเวณดอยรวก มีกองดิน หิน และเครื่องจักรหนักกำลังทำงาน เราจึงต้องปั่นกันอย่างระมัดระวัง ราว 11 โมงผมขึ้นมาถึงตลาดดอยมูเซอ แวะจิบกาแฟแกล้มแซนด์วิช สักพักโยฮานน์ก็ตามมาถึง เขานั่งลงแล้วล้วงครัวซองต์มาราดน้ำผึ้ง พลางชมว่าที่เมืองไทยอาหารอร่อยและราคาถูก ขนมพวกนี้เขาได้มาจากโลตัสราคาไม่ถึงยูโร แล้วก็อวดกล้วยน้ำว้าที่เพิ่งได้มาในราคายี่สิบบาท “ครึ่งยูโร” เขาย้ำตาโต อิ่มแล้วก็ออกไปซื้อน้ำอัดลมที่ร้านข้างๆ แต่ก็เดินกลับมาอย่างหัวเสีย บอกว่าราคาแพงกว่าที่ระบุไว้ข้างกระป๋อง เลยไม่ซื้อ ผมพยายามอธิบายว่าบนดอยก็งี้แหละ อาจมีการชาร์จกันบ้างเป็นปกติ แต่เขาไม่ยอมรับ ตอนปั่นมาด้วยกันถ้าเจอรถมอเตอร์ไซค์ย้อนศรมาเขาแทบจะไม่หลบให้ แถมแจก “กล้วย” ให้อีกหลายหวี เป็นผมก็คงหยวนๆ ไป ระวังอย่าไปชนเขาและอย่าให้เขาชน แค่เอาตัวรอดให้ได้เป็นพอ ต่างจากเขาที่พยายามรักษาสิทธิ์ของตัวเอง หรือเพราะเราเติบโตมาในสังคมที่ให้ค่ากับระเบียบกฎเกณฑ์ต่างกัน
![]() |
แวะพักที่ตลาดดอยมูเซอ |
เราออกจากดอยมูเซอเกือบเที่ยง ปั่นไปคุยไปจนถนนเริ่มไต่ขึ้นดอย อากาศยิ่งร้อน ดอยก็ยิ่งชัน ผมเพิ่งปั่นวันแรกแรงยังดีเลยใช้จานกลางไต่มาเรื่อยๆ แต่โยฮานน์ผ่านสมรภูมิมาหนักหน่วงร่างกายเริ่มล้า ต้องลงจานเล็กมาตั้งแต่ตีนดอย ช่วงไหนทางชันๆ ก็จะได้ยินเสียงตะโกน “FXXXING STEEP & FXXXING HOT" ระหว่างทางเราเจอนักปั่นชาวอังกฤษสองคน เพิ่งผ่านพม่าเข้าไทยที่แม่สอด กำลังมุ่งหน้าไปฮ่องกง แวะทักทายกันนิดหน่อยแล้วก็โบกมือลา บ่ายโมงกว่า ผมเริ่มหิวเลยอัดนำมาหาข้าวกิน
![]() |
แวะนอนพักในศาลาด้านหลังศาลพระวอ |
ราวบ่ายสองก็มาถึงศาลพะวอ แวะไปหาข้าวเที่ยง แล้วก็ขึ้นไปนอนพักรอโยฮานน์ในศาลาด้านหลัง หลับไปพักใหญ่ ตื่นมายังไม่เจอ เลยทักแช็ทไปทาง Facebook บอกว่ารอเขาอยู่นี่ สักพักเขาตอบมาว่า เพิ่งไปถึงแม่สอด แล้วก็ขอโทษที่ปั่นผ่านเลยไป ไม่เป็นไร ขอให้โชคดีและสนุกกับการเดินทาง หากมีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกบนถนนสักสายบนโลกใบนี้
สี่โมงเย็นผมเก็บของออกเดินทางต่อ ถนนเริ่มเป็นทางลงดอยสักพักก็เป็นทางราบ ราวครึ่งชั่วโมงก็ถึงแม่สอด แผนเดิมตั้งใจจะพักที่นี่ แต่แรงยังมี เวลายังเหลือ เลยปั่นต่อเข้าสาย 1090 มุ่งหน้าไปอุ้มผาง อากาศยังร้อนอบอ้าว แต่ถนนสี่เลนราบเรียบ ปั่นไหลมาเรื่อยๆ จนถึงทางแยก มีป้ายจราจรสีแดงระบุให้รถบรรทุกหกล้อขึ้นใช้ทางเลี่ยงม่อนด้านขวามือ ส่วนทางตรงข้างหน้าก็ตรงดิ่งขึ้นภูเขาจนลับหายไป นี่สินะ “ม่อนหินเหล็กไฟ” ที่เขาว่า ถนนสองเลนเพิ่งลาดยางใหม่ๆ ไต่ระดับความชันขึ้นเรื่อยๆ ผมปั่นชิดไหล่ทาง ลดเกียร์ลงจานเล็ก ค้อมตัวทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้า ควงขาอัดขึ้นมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ขึ้นถึงยอดม่อน ในสภาพเหงื่อท่วมเสื้อ ระยะทางราวสามกิโลฯ แต่ใช้เวลาไปร่วมชั่วโมง
มาถึงร้านค้าปากทางเข้าน้ำตกธารารักษ์เกือบทุ่ม แวะซื้อเสบียงอีกนิดหน่อยกับเบียร์เย็นๆ อีกกระป๋อง ปั่นผ่านป่ายูคาลิปตัสเข้าไปราวครึ่งกิโลก็ถึงน้ำตก ด้านขวามีบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ริมตลิ่งมีซุ้มให้นั่งพักผ่อน มีนักท่องเที่ยวนั่งอยู่หลังหนึ่ง ผมแวะที่ร้านขายอาหารข้างๆ ขออนุญาตกางเตนท์ แล้วก็เดินสำรวจจนได้ที่เหมาะๆ ตรงเชิงเขาด้านหลัง จอดรถรื้อของออกมาจะหุงข้าวแต่นึกอยากจะอุดหนุนแม่ค้าเป็นการขอบคุณที่เขาอนุญาตให้พัก เลยเดินไปซื้อกับข้าว พอไปถึงเขาเก็บร้านแล้ว กำลังตั้งวงกินข้าวเย็นกันพอดีเลยชวนให้กินด้วยกัน ผมปฏิเสธเพราะพกเสบียงมาด้วย เขาเลยเสนอว่ามีไก่ย่างเหลืออยู่เดี๋ยวจะอุ่นเอาไปให้
![]() |
มื้อเย็นวันนี้ น้ำใจจากพ่อค้า-แม่ค้าที่น้ำตกธารารักษ์ |
ผมกลับมาหุงข้าวเตรียมทำกับข้าวง่าย ๆ สักพักเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็หิ้วถุงไก่ย่าง ข้าวเหนียวและแกงผักอีตุ๊ด อาหารเฉพาะถิ่น ใช้ยอดอ่อนของต้นตะคึกหรือจามจุรีเหลืองแกงกับปลาดุกย่าง รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ อร่อยกลมกล่อม
บางครั้งก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แค่อยากจะแสดงความขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับได้รับไมตรีกลับมาเกินคาด
![]() |
ที่นอนเมื่อคืนนี้ |
เมื่อเช้าได้วิชาและแรงบันดาลใจจากโยฮานน์ นักปั่นหน้าอ่อนแต่ประสบการณ์บนหลังอานแก่กว่าผมมากโข ตอนค่ำก็ได้รับน้ำใจจากชาวบ้าน ถ้าไม่ได้ปั่นจักรยานคงไม่มีโอกาสได้เจออะไรแบบนี้ นี่แหละเสน่ห์ของการเดินทาง...เรื่องราวเกินคาดคิด
--------------------------------------------------------------------------
Dst : 113.18 km / AV 15.2 km:h / Mx 60.9 km:h / Tm. 7.25 h
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น