วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วันที่ 2 (8/3/16) : น้ำตกธารารักษ์ – บ้านอุ้มเปี้ยม

บึงด้านหน้าน้ำตกธารารักษ์ สีเหลืองทองด้านบนคือ "เจดีย์โคะ"

อากาศอบอ้าวเมื่อคืนค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงจนเย็นสบายตอนหัวรุ่ง  ตื่นเจ็ดโมงเช้า เก็บของกินกาแฟเสร็จออกไปเดินเล่นชมน้ำตกธารารักษ์ (ผาชัน) น้ำตกขนาดเล็กที่ไหลลงมาจากผาหินปูนสูงประมาณ 30 ม. ด้านหน้ามีสะพานทางเดินไปชมน้ำตก ผ่านบึงน้ำกว้างใหญ่ ริมบึงมีซุ้มนั่งเล่น และมีเรือถีบให้เช่า ใกล้ๆ มีร้านอาหารและห้องน้ำบริการ

ถนนสาย 1090


กว่าจะได้ออกเดินทางก็เกือบสิบโมง ปั่นกลับมาออกสาย 1090 ถนนบางช่วงกำลังขยายไหล่ทาง ข้างๆ เป็นไร่มัน ไร่ข้าวโพด และสวนป่ายูคาลิปตัส มีเนินพอให้เหงื่อซึมๆ สักพักก็มาถึงบ้านร่มเกล้าสหมิตร ปั่นลอดซุ้มประตูทรงเก๋งจีนสีแดงสดเข้าไปวนหามื้อเที่ยง ราวบ่ายโมงออกปั่นต่อ พอพ้นเขตหมู่บ้านก็ผ่านจุดตรวจตำรวจแล้วก็จะเริ่มไต่ขึ้นดอยชันๆ ถนนวกวนเลาะไหล่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ

แดดบ่ายร้อนจ้าเผาผลาญจนเหงื่อเปียกเสื้อ น้ำในกระติกร่อยหรอเหลือแค่ติดก้น ขวดใหญ่ขนาดลิตรครึ่งสองขวด ขวดหนึ่งว่างเปล่า อีกขวดก็พร่องลงไปกว่าครึ่ง  คาดการณ์ผิดพลาดเสียแล้วเรา ตอนออกจากหมู่บ้านร่มเกล้าตั้งใจจะไปหาซื้อน้ำที่ร้านข้างหน้า เพราะคิดว่าทางคงไม่ชันมาก และทางวันนี้ก็คงหมูกว่าเมื่อวาน แต่ที่ไหนได้ หมู่บ้านที่ผ่านมานั่นแหละคือจุดสุดท้ายที่จะมีร้านขายของ พอพ้นด่านตรวจมาแล้วก็มีแต่ป่า  ลำพังแค่อัดขึ้นดอยก็เหนื่อยแล้ว มาเจอแดดร้อนๆ และที่สำคัญไม่มีน้ำกิน กำลังใจที่จะปั่นข้ามดอยก็พลันระเหยหายไปพร้อมกับน้ำในขวด

น้ำหมด หมดแรง หยุดพักทำใจ

รู้สึกหมดแรงจนต้องหยุดพัก จะปั่นกลับไปซื้อน้ำที่หมู่บ้าน หรือปั่นต่อไปหาน้ำเอาดาบหน้าดี... เปิดมือถือเช็คระยะทาง อุ้มผางเหลืออีก 150 กม. กว่าจะผ่านดงดอยสีเขียวเข้มในแผนที่ไปเจอที่ราบสีขาว คือหมู่บ้านถัดไปอีกสามสิบกว่าโลฯ  รู้สึกเพลีย ร้อน หมดแรง ท้อ ในหัวมึนตื้อจนคิดอะไรไม่ออก  ตัดสินใจหยุดพักหาต้นไม้ผูกเปล นอนฟังเสียงรถสิบล้อขนข้าวโพดเร่งเครื่องขึ้นดอยและเบรกตอนขาลงจนงีบหลับไปพักใหญ่

ตื่นอีกทีสี่โมงกว่า รู้สึกสมองค่อยปลอดโปร่ง คิดจะกลับลงไปในหมู่บ้านก็เสียดายระยะทางที่อัดขึ้นดอยชันๆ ขึ้นมา เลยตัดสินใจไปหาน้ำเอาข้างหน้า ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องโบกรถสิบล้อขอน้ำเป็นไม้ตายสุดท้าย สติและกำลังใจเริ่มกลับคืน รีบกระโดดขึ้นอานตะกายดอยต่อ เอาวะ ถึงไหนถึงกัน ไอ้เสือลุยโลดดดด

อัอขึ้นดอยมาอีกสองสามกิโลฯ ก็เจอจุดตรวจของ ตชด. รีบแวะขอเติมน้ำจนเต็มทุกขวด ออกมาขอบคุณพี่ตำรวจแล้วก็ออกปั่นต่อ ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

คราวนี้ภูเขาสอนเราว่า “อย่าประมาท และอย่าสิ้นหวัง”

นักปั่นรถทัวร์ที่มีน้ำเต็มกระติกย่อมรู้สึกระรื่น เช่นเดียวกับโชว์เฟอร์ที่มีน้ำมันเต็มถัง...ถึงไหนถึงกัน  มีน้ำกินยังพอมีแรงปั่นไปหาอาหารเอาข้างหน้าได้ แต่ถ้าขาดน้ำ ต่อให้มีอาหารเต็มกระเป๋าก็จบ แน่นอน หากมีพร้อมทั้งสองอย่าง ทางข้างหน้าจะไกลและชันแค่ไหน เราไม่หวั่น

ไร่ของชาวบ้านข้างทาง

ปั่นลัดเลาะขึ้นลงดอยผ่านป่าทึบแห้งๆ มาเรื่อย บางช่วงที่ใกล้น้ำถูกบุกเบิกเป็นไร่สวน ก่อนออกทริปนี้ผมเช็คแผนที่มาคร่าวๆ ตั้งใจจะหาที่นอนริมลำน้ำในป่า แต่พอมาถึงพบว่าลำธารอยู่ลึกลงไปข้างล่าง ป่าข้างๆ สะพานก็รกเรื้อเกินกว่าจะบุกฝ่าลงไป ลำธารบางแห่งที่พอจะหาทางลงไปได้สะดวก น้ำก็แห้งขอดเพราะเป็นหน้าแล้ง เลยต้องเปลี่ยนแผนปั่นต่อไปหาหมู่บ้านข้างหน้า

ห้าหกโมงเย็นแล้วแต่แดดยังแผดกล้า อากาศก็อบอ้าว ถนนบางช่วงเพิ่งลาดยางใหม่ยังไม่ได้ตีเส้น กลิ่นยางมะตอยฉุนจมูก ทางชันขึ้นจนต้องลงจานเล็กงัดเกียร์ 4-3-2-1 อัดขึ้นไปจนหมดแรง หยุดพักบนยอดเนินแล้วค่อยไหลลง  ทางกลางป่าค่อนข้างเปลี่ยว นานๆ ทีจะเจอมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ แต่ที่พบบ่อยคือรถสิบล้อขนข้าวโพดและมันสำปะหลัง หลายคันใจดีโบกมือบีบแตรทักทายนักปั่น ให้พอใด้ใจชื้นขึ้นบ้าง

ท้องฟ้ายามพลบค่ำ

ผมชอบออกทริปคนเดียวเพราะรักความสันโดษ ต้องการให้จิตใจได้เผชิญอะไรอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อยล้า สุข ทุกข์ ทรมาน ท้อ ความหวัง กระทั่งความหว่อง แต่นั่นละมิตรไมตรีจากมนุษย์แปลกหน้ามักจะคอยหล่อเลี้ยงให้มีกำลังปั่นไปจนสุดทางเสมอ

แสงไฟในหมู่บ้านกลางหุบเขา คือประภาคารของนักปั่นพเนจร

ปั่นมาจนเจอป้ายเขตหมู่บ้านอุ้มเปี้ยม ใจก็ชื้นขึ้นอีกครั้ง แม้ฟ้าจะเริ่มมืด ดงดอยรอบข้างยังทึบทมึฬ  ผมเปิดไฟหน้าหลังอัดขึ้นลงดอยมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ไต่ขึ้นถึงยอดก็พยายามมองหาแสงไฟของหมู่บ้าน ดอยลูกแล้วลูกเล่า ปาดเหงื่อหนแล้วหนเล่า ความหวังพังทลายครั้งแล้วครั้งเล่า หมู่บ้านข้างหน้ายังไร้วี่แวว แต่ในที่สุด แสงไฟริบหรี่จากหมู่บ้านกลางหุบเขาก็ปรากฏให้เห็น รู้สึกดีใจราวกับชาวเรือหลงทิศได้เห็นแสงไฟประภาคาร

แวะร้านค้าซื้อเสบียงและน้ำตุนไว้ก่อนกันเหนียว แล้วปั่นเข้ามาขออนุญาตกางเต็นท์บนสนามหญ้าที่จุดบริการข้อมูลทางหลวง

--------------------------------------------------------------------------------------
Dst. 63.24 km / AV 12.9 km:h / Mx 59.7 km:h / Tm 4.54 h

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น