![]() |
สะพานข้ามน้ำกก ท่าตอน |
เมื่อวานซักผ้าตากผึ่งพัดลมไว้ตลอดคืน เช้ามายังไม่แห้ง ก็ต้องใส่ทั้งหมาดๆ อย่างนั้น ปั่นมาได้สักพักก็เริ่มแห้ง เสื้อผ้าที่ใส่ปั่นจักรยานเป็นผ้าสังเคราะห์แห้งไว ยืดหยุ่นดีแบบเสื้อผ้ากีฬา ใส่ปั่นจักรยานสบาย ระบายเหงื่อได้ดี ถึงจะเปียกเหงื่อก็ไม่ติดผิวน่าอึดอัดอย่างเสื้อยืดผ้าฝ้าย
![]() |
ในห้องพัก แอบต้มน้ำชงกาแฟ รอเก็บของออกเดินทาง |
ปั่นข้ามสะพานมาก็เริ่มเห็นดอยเขียวครึ้มอยู่ลิบๆ ตา เตรียมทำใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่าวันนี้อาจมีเข็นยาวๆ พอเงยหนามองท้องฟ้า ก็เห็นเมฆขมุกขมัว สักพักฝนก็เริ่มปรอย รีบหยุดรถคลุมเบาะและกระเป๋า ปั่นมาเรื่อยๆ ตามสาย 1089 ส่วนใหญ่เป็นทางราบ ดอยที่ออกมาขู่ตอนแรกกลายเป็นทิวทัศน์ที่อยู่ข้างทาง
มาถึงน้ำพุร้อนมัลลิกา ในทุ่งนาฝั่งตรงข้ามมีตูบเล็กๆ หลายหลังน่ามาพัก เมื่อวานถ้ามาค่ำแถวนี้คงไม่พลาดตูบน้อยกลางทุ่งแบบนี้
![]() |
ทุ่งนาฝั่งตรงข้ามน้ำพุร้อนมัลลิกา |
ตอนเที่ยงมาถึงบ้านแสนสุข แวะจัดการมื้อเที่ยงที่ร้านชาวบ้านข้างทาง พอแม่ค้าเห้นนักปั่นแปลกหน้าเดินเข้ามาเหงื่อโซก ก็รีบยกน้ำเย็นมาบริการ แล้วชวนคุยอย่างเป็นกันเอง ได้ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นชามเขื่อง เส้นบะหมี่แบนๆ คล้ายเส้นข้าวซอย อร่อยกลมกล่อม อิ่มกำลังดี
![]() |
ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูตุ๋นร้านชาวบ้าน |
หากมีโอกาสไปเยือนต่างถิ่น ผมจะไม่พลาดร้านอาหารแบบนี้ ได้ชิมรสชาติแบบบ้านๆ ที่ชาวบ้านเขากินกันจริงๆ วัตถุดิบก็ได้จากในหมู่บ้าน ผักสดๆ แปลกๆ ตามฤดูกาล แม่ค้าใจดีตักให้ชามโตในราคาน่ารัก ที่สำคัญคือการได้อุดหนุนชาวบ้าน แม้จะไม่ได้มากมาย แต่อย่างน้อย พวกเขาอาจจะเริ่มคุ้นเคยกับคนเร่ร่อนบนหลังอานมากขึ้น ช่องว่างของความแปลกหน้าจะได้ลดน้อยลง
ถ้าขับรถยนต์ผ่านมาก็คงไม่ทันมองเห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ จนกว่าจะเห็นป้ายใหญ่โต ที่จอดรถสะดวก ห้องน้ำสะอาดนั่นแหละถึงจะแวะเข้าไป เพื่อจะได้กินอาหารที่ปรุงแต่งให้ถูกลิ้นนักท่องเที่ยว รสชาติป็อปๆ กินง่ายลุกง่าย ต่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ข้างถนน ที่นักท่องเที่ยวต้องหลงเข้าไปเท่านั้น ถึงจะได้ชิม
ออกจากหมู่บ้านมาได้สักหน่อยก็เริ่มไต่ขึ้นดอย ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้น จนต้องแวะพักที่เพิงข้างทาง ถือโอกาสพักขา รื้อบัวหิมะมาปอกกินเล่นพลางๆ พอฝนซาก็ขึ้นเบาะตะกายดอยต่อ ราวบ่ายสามก็มาถึงสามแยกที่มีจุดตรวจของตำรวจ แวะจิบน้ำแล้วขึ้นอานเลี้ยวซ้ายไปทางดอยแม่สลอง
![]() |
จุดตรวจที่สามแยกขึ้นดอยแม่สลอง |
ถนนสาย 1089 เข้าดอยแม่สลองไม่ได้ชันมากอย่างทางขึ้นดอยอ่างขาง แต่ขึ้นยาวลงยาว ทางแคบ เปียกชื้น ฟ้าหม่นไม่เจอแดดแต่เจอฝนปรอยๆ เกือบตลอดทั้งวัน วิวข้างๆ เป็นไร่ข้าวโพดอยู่บนภูเขาสลับซับซ้อน ที่ลุ่มบางแห่งมีนาขั้นบันได ปั่นขึ้นมาเรื่อยๆ เหลือบไปเห็นฝรั่งขี้นกออกลูกเต็มต้น เลยได้โอกาสพักขา นั่งกินฝรั่ง ลูกแก่ๆ สีเขียวอ่อนๆ รสหวานกรอบ ถ้าชอบนิ่มๆ ก็เลือกลูกเหลืองๆ เนื้อสีขาวอมชมพู รสกลิ่นหวานอมเปรี้ยว ฝรั่งขี้นกเป็นผลไม้ที่พบเจอได้ตลอดทาง ไม่ว่าจะในทางราบหรือบนยอดดอย หลายครั้งที่หมดแรงกลางดอยก็ได้ฝรั่งขี้นกนี่แหละเป็นเครื่องยังชีพ นับเป็นผลไม้สำหรับนักปั่นรถทัวรุ่งริงอย่างผมโดยแท้
อากาศบนดอยหนาว พอฝนตกก็เย็นชื้น เสื้อผ้าเปียกชื้นมาตลอดทาง แต่ไม่รู้สึกหนาวเพราะปั่นจักรยาน ร่างกายจะอบอุ่นอยู่ตลอด จนกว่าจะหยุดปั่น มีลมหนาวพัดมาสักวูบก็เล่นเอาตัวสั่นเหมือนกัน
![]() |
ทุ่งข้าวโพดร้างที่หญ้าขึ้นคลุม โดนลมฝนพัดปลิวไสวเป็นคลื่น งามแท้ |
พอเริ่มเข้าเขตดอยแม่สลองก็จะเจอร้านชา บางร้านปรับเป็นคาเฟ่ มีมุมให้ถ่ายรูป บริการห้องพัก หรือมีจุดกางเต็นท์ให้บริการ มาถึงย่านตลาดชาหน้าโรงเรียนบ้านสันติคีรีห้าโมงเย็น ปั่นเข้าไปในโรงเรียนหาที่พักเหมาะๆ ไม่เจอเพราะเป็นอาคารปิด ไม่มีใต้ถุนโล่งๆ พอให้ผูกเปลได้ นี่คือข้อจำกัดของเปลที่จะต้องมีเสาให้ผูก หากเป็นเต็นท์จะหาที่กางได้ง่ายกว่า ปั่นออกมาข้างนอกแวะกินข้าวเย็นซะเลย สั่งขาหมู หมั่นโถวชุดเล็กขนาด 2-3 คนกิน ขาหมูตุ๋นน้ำข้น หอมกลิ่นยาสมุนไพรจีน น้ำจิ้มเปรี้ยวอมหวานเข้มข้น หมั่นโถวนึ่งร้อนๆ ควันฉุย เนื้อนุ่มแน่น
![]() |
ขาหมูหมั่นโถว สูตรยูนนาน แถวตลาดชาหน้าโรงเรียนบ้านสันติคีรี |
อิ่มแล้วคุยกับแม่ค้า ถามหาที่พักพอจะผูกเปลได้ เขาบอกแถวนี้ไมมีหรอก พร้อมแนะนำโรงแรมใกล้ๆ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด เลยบอกไปว่าขอไปหาที่กางเต็นท์ดูก่อน ในใจก็นึกอยากทำเรื่องตื่นเต้นสักหน่อย
ปั่นกลับลงไปทางเดิมสักพักก็ถึง ร้านเหล้าร้าง จอดรถดูลาดเลาสักพัก พอเห็นว่าปลอดคนก็รีบเข็นจักรยานไปหลบหลังร้าน โฉบไปเช็คห้องน้ำ ผ่าน...น้ำไหลสะดวก ร้านเหล้าเป็นเพิงมุงแฝก ด้านหน้าเป็นเวที ข้างๆ มีบาร์น้ำ ขวดเหล้าทิ้งเกลื่อนกลาด ตรงกลางมีโต๊ะเก้าอี้วางระเกะระกะ ผนังด้านนอกกั้นไม้ไผ่ผ่าซีกถึงเอวแล้วประดับเถาวัลย์ ตกแต่งตามสไตล์เพื่อชีวิต ด้านนอกมีซุ้มต้นไม้และหญ้าขึ้นรก พอจะบดบังคนนอกได้บ้าง
จัดการผูกเปลที่มุมด้านหลัง แอบย่องไปอาบน้ำซักผ้า กลับมาขึงเชือกกับโต๊ะเก้าอี้วางค่ายกลเอาไว้ ป้องกันข้าศึกลอบเข้ามา เสร็จแล้วขนเก้าอี้ไปดักทางเข้าทุกทาง รู้สึกใจเต้นทุกครั้งเวลามีรถผ่าน หรือมีเสียงคนเดินอยู่ริมถนน แทบไม่กล้าฉายไฟไปทางนั้นเลย เพราะกลัวว่าจะเป็นที่สงสัย ก่อนจะมุดเข้าเปลนอนด้วยใจระทึก แต่ฝนที่ตกปรอยๆ ตั้งแต่หัวค่ำก็ช่วยให้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง คงไม่มีใครมาทำธุระอะไรที่ร้านเหล้าร้างกลางคืนฝนตกแบบนี้ กลางคืนอากาศหนาวชื้น นอนฟังเสียงฝนตกบนหลังคาแฝกเพลินหู
![]() |
ที่นอนคืนนี้ ลักนอนในร้านเหล้าร้าง (ถ่ายตอนเช้าวันรุ่งขึ้น) |
นี่คือการ “ลักนอน” (stealth camping) ครั้งแรกของผม นับเป็นการตั้งแค้มป์ที่ตื่นเต้นที่สุดคืนหนึ่งในทริปนี้ พอนึกย้อนกลับไปก็ใช่ว่าจะไม่มีเงินค่าเกสต์เฮาส์ แต่นักเดินทางอย่างเรา ไม่ได้มาแสวงหาความสะดวกสบาย การผจญภัยต่างหากที่เราต้องการ ขอบคุณเจ้าของร้านเหล้า สำหรับที่พักคืนนี้
ระยะทางวันนี้ 47.81 กม. ความเร็วเฉลี่ย 11.7 กม./ชม. เวลาที่ใช้ 4 ชม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น