วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Monthly Trip มกราคม 15 : ไชยา-ท่าขนอน (คีรีรัฐนิคม) (24-25/1/15)

บนสะพานข้ามคลองพุมดวง คีรีรัฐนิคม

จริงๆ แล้วทริปนี้ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ชวนแม่ขับรถไปสำรวจเส้นทาง แล้วชวนสมาชิกแถวบ้านไว้ตั้งแต่เมษาปีก่อน แต่ช่วงนั้นอากาศก็ร้อนเกิน ขยับไปหน้าฝน ฝนก็ตกไม่หยุด มาถึงหน้าหนาว ราคายาง ผลผลิตปาล์มก็ร่วงดิ่ง จนไม่มีกะจิตกะใจไปเที่ยวไหน  ปล่อยเลยข้ามปีจนทนไม่ไหว ชวนสมาชิกแถวบ้านก็ติดภารกิจกันหมด เลยชวนแม่ออกทริปกันสองคัน ปะ แม่ลุยกัน

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Mini Trip : ทริปน้อยๆ ควนส้าน-ลานสกา-ร่อนพิบูลย์-ทุ่งสง (22/1/15)

ขึ้นเขาช้างสี รอยต่อลานสกา-ร่อนพิบูลย์


ไม่ได้ออกทริปเล็กๆ มาหลายเดือนแล้ว ติดฝนมั่ง ภารกิจรุงรังมั่ง สมาชิกเข็ดหลาบกันไปมั่ง จนเหลือแต่ผมกับแม่ กำลังจะเข้ารอบตัดปาล์มที่นครศรีฯ พอดี ช่วงนี้ปาล์มออกน้อย เลยถือโอกาสชวนแม่ขนจักรยานไปซิ่งซะเลย

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

DIY : Cutting Board เขียงสนามไม้สัก

เขียงสนามไม้สัก ทำได้เองง่ายๆ ใช้ได้จริง


ตอนออกทริปแม้ผมจะชอบหากินอาหารข้างทาง ถือโอกาสผจญภัยทางลิ้นไปในตัว แต่ก็หลายครั้งที่ผ่านพื้นที่ธุรกันดาน เข้าป่าขึ้นดอย ไม่มีร้าอาหารให้อุดหนุน อย่างมากก็เจอร้านกับข้าว มีผักเนื้อให้ซื้อหาไปปรุงเอง เตาแก๊ส หม้อสนาม มีด พกติดรถอยู่แล้ว  ถ้าแค่ปลากระป๋อง ต้มมาม่าก็ง่ายๆ แต่จะให้กินทุกมื้อก็ไม่ไหว  ต้องหาเนื้อหาผักมากินแก้เลี่ยนกันมั่ง จึงได้ค้นพบปัญหา คือตอนจะหั่นเนื้อ หั่นผักทีต้องหาเขียงมั่วตั้วไปหมด ใช้ถุงพลาสติกรองหั่นบนก้นจานบ้าง ฝาหม้อบ้าง  บางทีถุงลื่นผักหล่นบ้าง หรือหั่นทะลุไปโดนฝาหม้อเป็นรอยมั่ง มืดทื่อมั่ง รุ่งรังดีแท้  เลยตั้งใจไว้ว่า ทริปหน้าคงต้องพกเขียงมาด้วยแล้ว

Mini Trip : Let's hit the mountain เขาธง นครศรีฯ (26/11/14)

งัดควนชันๆ ขึ้นเขาธง

ลากแม่ขึ้นเขาธง

ปกติผมต้องไปตัดปาล์มของน้าที่ อ.ช้างกลาง นครศรีฯ ทุกๆ สองอาทิตย์ ช่วงปลายปีปาล์มเริ่มขาดคอ ผลผลิตลดลงตามธรรมชาติ (สวนกับราคาที่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่มีผู้หวังดีสั่งนำเข้าปาล์มนอก นะฮ้าฟ) ใช้เวลาตัดปาล์มไม่นานก็เสร็จ เห็นว่าพอจะมีเวลาเหลือก็เลยถือโอกาสขนจักรยานมาปั่นด้วยเลย

Mini Trip : ทริปน้อยๆ ไชยา-วิภาวดี (23/7/14)

ยามเช้า บนถนนสาย 4262 มุ่งหน้าสู่วิภาวดี

ทริปนี้ขุ่นแม่ขอร้อง ทางเรียบโอรี่

จบทริปห้วยเคี่ยมคราวก่อน แม่บ่นอยู่พักใหญ่ว่าลูกชายพาไปลำบาก แต่พอตื่นเช้ายังไม่ทันหายปวดก้นก็ซิ่งไปพุมเรียงอีกแระ พออีกสองสามวันหายเมื่อยก็เริ่มถามแล้วว่าทริปหน้าเอาไง... อ้าว ไรอีกง่ะแม่ ยังไม่เข็ดหลาบใช่ไหมนิ

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review : Topeak Turbo Morph G สูบพกพาที่ขาทัวริงไว้วางใจ

Topeak Turbo Morph G ในแพ็คเกจเดิมๆ


ยางจักรยานใช่จะรั่วกันได้ง่ายๆ ตลอดทริปเลียบโขงสองพันหกร้อยกว่าโลเมื่อปลายปี 56 ฟ้าสูงไม่เคยยางรั่วสักครั้ง แต่พอกลับมาถึงบ้านออกทริปเขาสกต้นปี 57 ตอนจะออกจากเขาสกยางดันรั่วซะงั้น  เรื่องยางรั่วนี่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ นอกจากว่าจะใช้ยางทัวริงเทพกันหนาม สูบพกพา (และชุดปะยาง) จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถทัวร์ รวมถึงเสือภูเขาที่ชอบเข้าป่า หมอบที่ซัดกันยาวๆ (แต่สองประเภทหลังอาจเลือกสูบเล็กๆ เบาๆ ไม่ต้องทนถึกฮาร์ดคอร์อย่างรถทัวร์)

Mini Trip : ทริปน้อยๆ ไชยา-ท่าชนะ-ห้วยเคี่ยม (16/7/14)


เรียงแถวชักภาพที่หน้า รร.ตชด.

ทริปน้อยๆ พาแม่กะน้าไปกินลมชมวิว

เรื่องมันเกิดเมื่อวานซืน ขุ่นแม่ทั่นบ่นๆ ว่าปั่นจักรยานแถวนี้ทุกวันชักเบื่อแระ (ปกติแม่ปั่นจากบ้านไปพุมเรียงเกือบทุกวัน วันละยี่สิบกว่าโล) อยากปั่นไกลๆ ไปสูดอากาศใหม่ๆ มั่ง ด้วยความเป็นลูกกตัญญู จึงแสดงความกตเวทีไป งั้นพรุ่งนี้ไปท่าชนะกันดีกว่า ไปกลับ 50 โลฯ สบายๆ ได้เรย แม่ก็ติดต่อชวนสมาชิกในทีม ส.ว. (ผู้สูงวัยใจเกินร้อย แต่ปั่นไม่เกิน 20 ฮ่าๆๆ)

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ฟ้าสูง : Jamis Cross Country 2.0 (2003)

"ฟ้าสูง" ไอ่เพื่อนยาก

ผมเริ่มปั่นจักรยานครั้งแรกตอนอนุบาล แล้วปั่นเรื่อยมาจนถึงชั้นประถมต้น จากนั้นก็ห่างหายจากมันมานาน จนเข้าเรียนมาหา'ลัย  ได้ยินวีรกรรมปั่นจักรยานทางไกลจากรุ่นพี่คนหนึ่ง เลยเก็บตังค์ซื้อจักรยานเหล็กโบราณมาขี่เล่นอยู่สักพัก ลองปั่นขึ้นดอยสุเทพ เต็มที่ได้แค่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยก็หืดขึ้นคอ ได้แค่นั้น  จนวันหนึ่งมาเจอหนังสือ "หลังอาน" ของบินหลา สันกาลาคีรี  ได้รู้จักโลกแห่งการปั่นจักรยานท่องเที่่ยว กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เก็บเงินซื้อจักรยานเสือภูเขาคันแรก  เริ่มทำงานพิเศษที่ร้านนมตอนอยู่ปี 2 พอขึ้นปี 3 ผมก็ได้จักรยานคันนี้มาครอบครอง

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 11 (20/12/13) ผาแต้ม-วารินชำราบ (จบทริปเลาะเลียบลำโขง 56)

จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ลานหิน ผาแต้ม


ราวหกโมงเช้าก็ได้ยินเสียงเต็นท์ข้างๆ เก็บของขับรถไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ผมนอนต่อ ตื่นเจ็ดโมงกว่า อ้อยอิ่งต้มน้ำชงกาแฟ นั่งจิบไปเรื่อย กว่าจะได้ออกสตาร์ทก็แปดโมงกว่า

ยกที่ 4 วันที่ 10 (19/12/13) เขมราฐ-ผาแต้ม


เมืองเขมราฐยามเช้า ที่ถนนวิศิษฐ์ศรี


ตื่นเช้าเก็บของ คืนกุญแจแล้วออกปั่นไปหามื้อเช้าแถวตลาดเขมราฐ ปั่นเวียนรอบตลาดจนเจอร้านกาแฟ ได้กาแฟร้อนใส่นมข้นแกล้มแซนด์วิชบ้านๆ เสร็จแล้วแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้างๆ มีไส้กรอกสีคล้ำ แม่ค้าบอก “ไส้กรอกเนื้อ” เพิ่งเคยเห็น ลองดูสักสองไม้ เก็บไว้เป็นสะเบียงระหว่างทาง

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 9 (18/12/13) มุกดาหาร-เขมราฐ

ยามเช้าที่หน้าท่าเทียบเรือท่าข้าม 


ตื่นเช้า แอบติดเตาในห้องพัก ต้มน้ำชงกาแฟ จัดการมื้อเช้าเรียบร้อยก็อุ้มพี่เสือลงไปข้างล่าง แพ็คกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อย ไปคืนกุญแจแล้วออกเดินทาง

เริ่มต้นปั่นไปริมโขง ผ่านวัดศรีมงคลใต้ หน้าท่าเรือท่าข้าม ออกจากเมืองมาเรื่อยๆ ผ่านหอแก้วมุกดา ไปทางสาย 2034 มุ่งหน้าสู่ จ.อำนาจเจริญ ถนนสองเลนสภาพดี สองข้างทางเป็นทุ่งนา บางช่วงมีเนินให้ได้ออกเหงื่อพอซึมๆ

ยกที่ 4 วันที่ 8 (17/12/13) นครพนม-มุกดาหาร

ร่มรื่นต้นไม้ ริมถนนสุนทรวิจิตร เมืองนครพนม



วันนี้ตื่นเช้ารู้สึกสดชื่น อากาศสดใสไม่มีเค้าฝนหลงเหลือ ได้พักขาวันนึง รู้สึกกำลังวังชาจะกลับคืนมาบ้างแล้ว เก็บของเสร็จลงไปคืนกุญแจ แพ็คกระเป๋ากับรถแล้วออกเดินทาง

ยกที่ 4 วันที่ 7 (16/12/13) พักผ่อน ปั่นเล่นในเมืองนครพนม

วัดมหาธาตุ นครพนม

ฝนตกตลอดคืนจนถึงตอนสายๆ ตื่นมาจัดการมื้อเช้าเสร็จก็นอนพักต่อ  เที่ยงๆ ฝนเริ่มซา ออกไปขี่รถเล่นหาข้าวเที่ยง ปั่นผ่านร้านพิซซา กลิ่นเครื่องเทศหอมแตะจมูก เบรกเอี้ยด กลับรถไปจอดหน้าร้าน จัดพิซซาไปถาดนึงแก้เลี่ยนส้มตำที่กินติดต่อมาหลายมื้อ

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 6 (15/12/13) บ้านแพง-นครพนม

ส้มตำที่นครพนม ใส่เม็ดกระถินด้วย

เมื่อคืนนอนโรงแรมแมวเหมียว หลังการวิวาทะของมวลแมวจบแล้วก็หลับเป็นตาย  ตื่นขึ้นมาจัดการอาหารเช้าเสร็จแล้วก็หิ้วกระเป๋าออกไปคืนกุญแจ จ่ายค่าห้อง แพ็ครถเสร็จออกเดินทางเกือบเก้าโมง ตัดเข้าสายหลัก 212 มุ่งหน้าสู่นครพนม

ยกที่ 4 วันที่ 5 (14/12/13) บึงกาฬ-บ้านแพง

ตึกเก่าที่บึงกาฬ ด้านหน้าเปิดเป็นร้าก๋วยเตี๋ยว


ตื่นเช้าเก็บเต็นท์ ทำไข่กวน ต้มน้ำชงกาแฟ จัดการมื้อเช้าเรียบร้อย เก็บของแพ็ครถเสร็จแล้วออกไปลาพี่ รปภ.ที่หน้าประตู ออกเดินทางเกือบเก้าโมงเช้า ปั่นออกมาได้ไม่ไกลก็เริ่มเข้าเขตตัวเมืองบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ล่าสุดของไทย  ปั่นผ่านบริเวณก่อสร้างอาคารศาลากลางและสถานที่ราชการ  ย่านตัวเมืองขนาดพอๆ กับอำเภอๆ หนึ่ง มีตึกเก่าๆ หลงเหลืออยู่หลายแห่ง อาคารยุคเดียวกับทีเห็นตามเมืองริมโขงที่ผ่านมา

ยกที่ 4 วันที่ 4 (13/12/13) โพนพิสัย-บึงกาฬ

ริมโขงยามเช้า ที่โพนพิสัย


จัดการภารกิจยามเช้าคือล้างหน้าล้างตา ต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนมปังเสร็จแล้ว ไปคืนห้องพัก แล้วปั่นมาตามถนนเลียบโขง เช้าๆ จะมีชาวบ้านมาเดิน วิ่งออกกำลังกาย และนั่งพักผ่อนเสวนากันที่ศาลาริมโขง

ชาวโพนพิสัยคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ช่วงออกพรรษาของทุกปีริมโขงแถวนี้จะมีคนมาชมบั้งไฟพญานาคกันเป็นหมื่นๆ คน ถนนที่เห็นว่างๆ ตอนนี้จะมีคนเต็มแน่นยาวเหยียดตลอดแนวฝั่งโขง ที่พักเต็มหมด ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือน

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 3 (12/12/13) ท่าบ่อ-โพนพิสัย


หน้าตลาดสดเทศบาลท่าบ่อ




ตื่นเช้าต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนมปังไข่กวน เก็บของเรียบร้อยก็ออกไปลาตำรวจ ออกเดินทางราวแปดโมงเช้า ไม่ลืมแวะไปชิมก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดข้างเซเว่นฯ ที่จ่าแนะนำเมื่อวาน สั่งเส้นเล็กเนื้อตุ๋นพิเศษ เติมกระปิปลายช้อนเพิ่มความกลมกล่อม กินคู่กับสารพัดผักแนมและพริกอีกจาน แซ่บมวกส์ๆ ใครผ่านมาท่าบ่ออย่าได้พลาด อิ่มแล้วเข้าไปหาของฝากในตลาดสดเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้กุนเชียงมาสองถุงไว้ส่งกลับไปให้แม่

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 2 (11/12/13) วัดป่าภูหลักหมื่น- อ.ท่าบ่อ

เลาะเลียบลำโขง ยามเช้าที่ อ.สังคม


ดวงอาทิตย์ส่องแสงมาปลุกตั้งแต่หกโมงกว่า เก็บเต็นท์เสร็จต้มน้ำ ชงกาแฟแกล้มไข่กระทะ (ตั้งใจซื้อหมูยอไว้ตั้งแต่เมื่อวาน) ชาวบ้านที่เข้ามาทำกับข้าวถวายพระชวนกินข้าวด้วยกัน แต่ผมปฏิเสธ เสร็จแล้วไปล้างห้องน้ำเป็นการขอบคุณหลวงพ่อและชาวบ้านที่อนุญาตให้นอนวัด

ยกที่ 4 เชียงคาน-โขงเจียม วันที่ 1 (10/12/13) เชียงคาน-วัดป่าภูหลักหมื่น อ.สังคม

ถนนสาย 211 เลียบโขง แถวแก่งจันทร์


พักขาที่เชียงคานอยู่สี่ห้าวันจนเริ่มคุ้นเคยกับเมืองและผู้คนแล้ว เมื่อถึงเวลาออกเดินทางต่อ ใจมันรู้สึกโหวงๆ ยังไงก็ไม่รู้  ตื่นเช้าเก็บของแพ็ครถเสร็จก็บอกลารุ่นพี่ ปั่นไปหากาแฟโบราณกับไข่กระทะรองท้องที่หน้าตลาดสด ร้านนี้อยู่ห่างย่านท่องเที่ยว ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นชาวบ้าน ได้รสชาติและบรรยากาศแบบเดิมๆ ธรรมดาๆ  อิ่มอร่อยแล้วปั่นไปซื้อเสบียง อาหารกระป๋องตุนไว้ที่โลตัส เอ็กเพรส ด้านหน้าตกแต่งด้วยไม้เก่าๆ ให้ดูเข้ากับเมืองเก่า เซเว่นฯ ก็ตกแต่งแนววินเทจแบบนี้เหมือนกัน นี่อาจเป็นผลจากความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมของเมือง

ยกที่ 3 วันที่ 10-14 (6-9/12/13) จบยก 3 พักขาที่เชียงคาน

ตลาดคนเดิน ถนนชายโขง เชียงคาน


พักที่บ้านเช่าของรุ่นพี่ เรือนไม้หลังใหญ่ใต้ถุนสูงแบบอีสาน สามห้องนอน ด้านหลังมีชานนั่งเล่นต่อไปยังครัวไฟและห้องน้ำ  ระหว่างที่พักอยู่ตื่นเช้าทุกวัน  จะนอนหัวค่ำหรือดึกดื่นเที่ยงคืนก็ตื่นเวลานี้  นับเป็นสิ่งดีๆ อย่างหนึ่งที่ได้จากการเดินทาง

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 9 (5/12/13) ป้อมตำรวจอาฮี-เชียงคาน

ริมน้ำโขงที่เชียงคาน


เมื่อคืนก็หนาวมากพอๆ กับคืนก่อน แต่เพราะผูกเปลนอนลมพัดลอดผ่านได้ แม้จะใช้ฟลายชีทห่อคลุมอีกชั้นก็เอาไม่อยู่ ในที่สุดทนหนาวไม่ไหวตื่นตั้งแต่หัวรุ่งก่อนเสียงนาฬิกาปลุก เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักปั่นทัวริงส่วนใหญ่นิยมนอนเต็นท์แถมยังมีแผ่นรองนอนปูเป็นฉนวนกันความเย็นจากพื้น และช่วยเก็บรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายอีก  ทริปหน้าค่อยว่ากัน

ยกที่ 3 วันที่ 8 (4/12/13) บ้านเหล่ากอหก-ป้อมตำรวจอาฮี

บนถนนสาย 2195 เขต อ.ด่านซ้าย

เมื่อคืนแม้อากาศจะหนาวกว่าคืนก่อน แต่ได้กางเต็นท์บนเสื่อแล้วคลุมฟลายชีททับมิดชิด จึงได้นอนหลับสบาย ได้ยินเสียงพ่อลูกตื่นนึ่งข้าวกันตั้งแต่ตี 5 ผมนอนต่ออีกชั่วโมง ล้างหน้าเก็บของ ต้มน้ำชงกาแฟ  ราวๆ 7 โมงเช้า ทีมงานพ่อค้าเร่ก็ติดเครื่องออกเดินทางไปก่อน  ผมเก็บของเสร็จ 8 โมงค่อยไปลาหลวงพ่อ

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 7 (3/12/13) สภ.บ้านโคก-บ้านเหล่ากอหก

บนถนนสาย 1268 เตรียมขึ้นภูสอยดาว


เมื่อคืนหนาวมากโดยเฉพาะช่วงหัวรุ่ง แม้จะจัดเต็มชุดนอนก็เอาไม่อยู่  ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก เก็บของเสร็จ ต้มน้ำชงกาแฟ ราวเจ็ดโมงกว่าตำรวจก็เริ่มทยอยมาทำงาน หลายนายพอเห็นนักปั่นแปลกหน้าก็เดินเข้ามาทักทาย  ออกจากโรงพักบ้านโคกเกือบ 8 โมง ขณะที่ตำรวจกำลังเข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติ ผมเข็นจักรยานผ่านไปด้านหลัง  พี่ตำรวจคนหนึ่งเห็นรถทัวร์แขวนกระเป๋าพะรุงพะรัง บอกว่า “น้องบรรทุกน้ำหนักเกินนะ ขอดูใบขับขี่หน่อย”  5 5 5 ฮากันใหญ่

ยกที่ 3 วันที่ 6 (2/12/13) แก่งหลวง-สภ.บ้านโคก

คลองสายย่อยข้างที่กางเต็นท์ ไหลลงน้ำน่านที่แก่งหลวง


เมื่อคืนเข้านอนด้วยความตื่นเต้น แต่พอหลับก็หลับสบาย อาจเพราะปรับเปลให้เป็นเต็นท์ มีพื้นที่มากขึ้น ร่างกายยืดได้เต็มที่ไม่เหมือนนอนเปล  มื้อเช้ากินข้าวที่เหลือจากแบ่งให้เจ้าที่เมื่อคืนกับน้ำพริก แล้วต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนมปัง ไข่กวน เสร็จแล้วนั่งเขียนบันทึกรอผ้าแห้ง

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 5 (1/12/13) น่าน-แก่งหลวง

ระหว่างทางขึ้นดอยเสมอดาว-ผาหัวสิงห์

เก็บของเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นเช้าแพ็ครถเสร็จออกมาหาข้าวที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำ ข้างวัดภูมินทร์ที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ช่วงกลางวันคนเยอะมาก เช้านี้ผ่านมาเห็นโต๊ะว่างก็เลยจัดไป ข้าวซอยเนื้อกับขนมถ้วย ล้างคอด้วยกาแฟโบราณเย็นๆ  อิ่มแล้วปั่นมาทางสาย 101 มุ่งหน้าสู่เวียงสา ถนนสองเลนบางช่วงกำลังขยายเป็นสี่เลน มีเครื่องจักรกำลังทำงาน ปั่นชิดไหล่ทางมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นทางราบ

ยกที่ 3 วันที่ 4 (30/11/13) หยุดพักขาเที่ยวเมืองน่าน

ไบค์เลนเมืองน่าน


เมื่อคืนนอนพักผ่อนเต็มที่ เช้านี้ตื่นสาย ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปเอากาแฟที่เกสต์เฮาส์บริการฟรีมานั่งกินแกล้มขนมปังเซเว่นฯ ในห้อง สายๆ ก็ปั่นรถเปล่าออกมาหาข้าวเช้ากิน วันนี้อากาศเย็นสบาย ตั้งใจจะปั่นชิลๆ เที่ยวในเมืองน่าน

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 3 (29/11/13) จุดชมวิวป่าสนยักษ์-น่าน

หน้าแผงขายของป่าชาวภูเขาปากทางเข้าบ้านปางเป๋ย


ลมพัดแรงตีผ้าใบดังพึ่บพั่บๆ ตลอดคืน หนาวจนนอนแทบไม่หลับ สรุปว่าเครื่องนอนชุดใหญ่เมื่อคืนเอาไม่อยู่ หากเปลี่ยนเป็นเต็นท์อาจหลบลมได้ดีกว่านี้

กินกาแฟ เก็บของ บอกลา จนท.ป่าไม้แล้วออกเดินทางราว 8.30 น. ลงดอยมาได้ไม่ไกลก็ต้องหยุดสวมเสื้อคลุมอีกชั้นเพราะลมแรงและหนาวมาก ป้ายบอกระยะทางอีก 45 กม. ถึงน่าน แต่พอเห็นเทือกเขาสูงชันข้างหน้าก็รู้สึกท้อ อาการปวดขาล้าก้นก็ทำท่าจะหนักขึ้นทันที แต่ถ้าไม่ปั่นก็ไม่มีทางไปถึง จะหยุดอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ ขณะที่ใจเริ่มท้อ ลมเย็นๆ ก็พุ่งปะทะใบหน้าเรียกสติให้กลับคืนมา ปีนขึ้นอานไหลลงดอยต่อ โชคดีช่วงนี้เป็นขาลง เพราะเมื่อคืนพักบนยอดดอย

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 2 (28/11/13) บ้านแวนโค้ง-ผาสนยักษ์

ทุ่งนาข้างทางสาย 1179 ที่เชียงคำ


ตื่นเช้ากินกาแฟเก็บของเสร็จ เห็นขวดเหล้าเบียร์ ถุงพลาสติกกองระเกะระกะก็เลยเก็บกวาดศาลาซะหน่อย เพื่อเป็นการขอบคุณสถานที่ อย่างน้อยชาวบ้านจะได้รู้สึกว่า การเอื้อเฟื้อให้คนเดินทางไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือเสียหายอะไร แต่ได้ศาลากลางบ้านสะอาดขึ้น

ยกที่ 3 แก่งผาได-เชียงคาน วันที่ 1 (27/11/13) แก่งผาได-เชียงคำ


ไร่ข้าวโพดบนดอยที่เวียงแก่น ริมถนนสาย 1155 


เช้านี้เก็บของออกเดินทางแปดโมงครึ่ง ได้หยุดพักขาวันหนึ่งรู้สึกว่าร่างกายสดขึ้นเยอะ กำลังวังชากลับมา ปั่นมาได้สักพักจ้าของร้านอาหารขับมอเตอร์ไซค์สวนมา ผมตะโกนบอกลา ไว้โอกาสหน้าจะแวะมาอุดหนุนลาบปลาน้ำโขงอีกนะครับ

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 2 วันที่ 12 (26/11/13) จบยกที่ 2 พักขาที่แก่งผาได

หนีฝนจากใต้นต้นไม้ริมตลิ่งขึ้นมาอยู่บนศาลา


ลมหนาวที่พัดข้ามโขงมาจากฝั่งลาวแทงทะลุเปลผ้าใบและถุงนอนปลุกให้ตื่นแต่เช้า อาศัยโต๊ะเก้าอี้ม้าหินใต้ต้นไม้ที่ผูกเปล ต้มน้ำร้อนชงกาแฟแกล้มขนมที่ตุนจากร้านชำระหว่างทาง  สักพักท้องฟ้าที่มัวๆ ก็เริ่มปรอยเม็ดฝนลงมา พอเห็นฝนทำท่าจะลงหนัก ก็รีบย้ายแคมป์ขึ้นไปอาศัยศาลาชมวิวข้างบน

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 2 วันที่ 11 (25/11/13) เชียงของ-แก่งผาได

จากระเบียงห้องพักที่ "บ้านตำมิละ" อีกฝั่งโขงคือเมืองห้วยทราย


หลังจากกินกาแฟแกล้มบาแก็ต+ไข่กวนที่ครัวตำมิละเสร็จก็ออกมาเก็บของแพ็ครถ ก็เริ่มสังเกตเห็นกระเป๋าหลังข้างขวาบริเวณตะเข็บเริ่มขาดเป็นแนวยาวถึงก้นกระเป๋า  งานเข้าแล้วว้อยพี่เสือ!  ผมเพิ่งสังเกตเห็นรอยขาดเมื่อสองสามวันก่อน ไม่นึกว่าจะลุกลามรวดเร็วปานนี้ เอาสายยางมัด ๆ แล้วรีบควบไปหาร้านซ่อมกระเป๋าในตลาดเชียงของ  ช่างเย็บผ้าสาวใจดีใช้ผ้าใบอีกผืนเสริมเย็บให้อย่างแน่นหนา ไม่งอแงอีกเลยจนจบทริป ขอบคุณจั๊ดนักค้าบ

ยกที่ 2 วันที่ 10 (24/11/13) เชียงแสน-เชียงของ

ลุงกับป้าที่หน้าบ้าน เชียงแสน


ตื่นเช้ากินกาแฟเก็บของออกเดินทาง ป้าห่อข้าวเหนียวหมูทอดให้อีกชุดใหญ่  ล่ำลาเสร็จก็ออกปั่นย้อนกลับทางเดิมผ่านย่านเมืองโบราณเชียงแสน แวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน บอกเล่าประวัติความเป็นมาของเมือง วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตชาวบ้าน โบราณวัตถุโดยเฉพาะพระพุทธรูปเชียงแสน  ถ้ามีโอกาสเดินทางไปเยือนเมืองต่างถิ่น ผมมักจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่นั่นเสมอ เพื่อเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นๆ และอีกที่ที่จะไม่พลาดคือตลาด เพื่อเรียนรู้ความเป็นไปในปัจจุบัน

ยกที่ 2 วันที่ 9 (23/11/13) แม่สาย-เชียงแสน

จะไปเชียงแสน ?


ตื่นเช้ากินกาแฟ เก็บของแพ็ครถเสร็จลาแฟนของรุ่นพี่กับแม่ ออกเดินทางราวแปดโมงเช้า ปั่นกลับไปทางตลาดแม่สาย ระหว่างทางผ่านแผงขายน้ำสตรอเบอรรีและไวน์ตลอดแนวถนน แวะซื้อไวน์สตรอเบอรีติดรถมาขวดนึง ไว้สร้างความรื่นรมย์ก่อนนอน

ยกที่ 2 วันที่ 8 (22/11/13) พักขาปั่นเที่ยวแม่สาย


เด็กๆ ในตลาดแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก


บ้านรุ่นพี่เพิ่งสร้างเสร็จและเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน รุ่นพี่กลับบ้านที่ปักษ์ใต้ไปทำธุระเมื่อสองสามวันก่อน เหลือแต่แฟนกับแม่ยาย  แฟนออกไปทำงานแต่เช้า  ผมตื่นเช้ากินกาแฟเสร็จก็มาช่วยแม่ปลูกต้นวาสนาริมรั้วบ้าน  ข้างๆ มีต้นมะพร้าวและหน่อกล้วยน้ำว้าที่รุ่นพี่ผมปลูกไว้  เสร็จแล้วก็เดินเก็บเศษตะปูและพวกวัสดุก่อสร้างที่หลงเหลืออยู่รอบๆ บ้าน

ยกที่ 2 วันที่ 7 (21/11/13) ตีนดอยตุง-แม่สาย

ทางขึ้นที่ว่าการอำเภอและสภานีตำรวจแม่ฟ้าหลวง


ตื่นเจ็ดโมงเช้า ต้มน้ำกินกาแฟอ้อยอิ่งชมหมอกในทุ่งนาสักพัก ก็เก็บของปั่นขึ้นถนนลาดยางสายเดิม 1388 ปั่นออกมาสักหน่อยก็เจอค่ายทหาร จากนั้นก็เริ่มไต่ดอย บางช่วงชันมากๆ จนต้องตัดพับไปพับมาหลายตลบ ใส่จนสุดเกียร์หมดแรงก็หยุดพัก วันนี้แรงยังดี ตั้งใจว่าจะไม่เข็น อาศัยพักบ่อยๆ เอา

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 2 วันที่ 6 (20/11/13) ดอยแม่สลอง-ตีนดอยตุง

หน้าร้านอาหารสนสน ดอยแม่สลอง


เมื่อคืนฝนปรอยเกือบตลอดคืน เช้านี้อากาศเย็นชื้น หมอกหนาลอยเรี่ยยอดดอย แทบไม่เห็นแสงแดด ต้มน้ำกินกาแฟพลางนั่งจดบันทึก เสร็จแล้วเก็บของแพ็ครถ จัดโต๊ะเก้าอี้เข้าที่ ดูลาดเลาแล้วแอบย่องออกจากโรงเตี๊ยมเกือบเก้าโมงเช้า แวะที่ตลาดชาหน้าโรงเรียนบ้านสันติคีรี ซื้อข้าวเหนียวดอยและพวกถั่วงาจากชาวภูเขาเตรียมส่งไปให้แม่อีกชุด แถมหมั่นโถวร้อนๆ อีกสองลูกไว้กินระหว่างทาง