วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 7 (16/12/13) พักผ่อน ปั่นเล่นในเมืองนครพนม

วัดมหาธาตุ นครพนม

ฝนตกตลอดคืนจนถึงตอนสายๆ ตื่นมาจัดการมื้อเช้าเสร็จก็นอนพักต่อ  เที่ยงๆ ฝนเริ่มซา ออกไปขี่รถเล่นหาข้าวเที่ยง ปั่นผ่านร้านพิซซา กลิ่นเครื่องเทศหอมแตะจมูก เบรกเอี้ยด กลับรถไปจอดหน้าร้าน จัดพิซซาไปถาดนึงแก้เลี่ยนส้มตำที่กินติดต่อมาหลายมื้อ

อิ่มแล้วปั่นไปเที่ยวที่ตลาดอินโดจีนริมน้ำโขง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีน พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อาหาร คล้ายๆ ที่ตลาดท่าเสด็จที่หนองคาย

ทางเดินเลียบโขง เมืองนครพนม ฝั่งตรงข้ามคือเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว

ออกปั่นต่อเลียบโขงมาเรื่อยๆ แวะซื้อพุทรานมสดกับส้มเพิ่มวิตามินซีไว้สู้หวัด เดิมตั้งใจจะเที่ยวให้รอบเมือง ชมวัดรมไรไปเรื่อยแต่ฝนเริ่มเทลงมา ต้องพับแผน รีบปั่นกลับที่พักด่วน ตอนค่ำฝนหยุด ลงมากินข้าวเย็นง่ายๆ แล้วกลับห้องพัก

หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ในวันฟ้าครึ้มฝน

นครพนมมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 18 เดิมเคยเป็นที่ตั้งของ "อาณาจักรศรีโคตบูร" ซึ่งย้ายสลับไปมาระหว่างฝั่งซ้ายและขวาแม่น้ำโขง ต่อมาได้ปลี่ยนเป็นชื่อเป็น "มรุกขนคร" ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ตีเมืองเวียงจันทร์ได้ จึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมือง "นครพนม" และตกเป็นดินแดนของสยามมาตั้งแต่นั้น  ในสมัยสงครามอินโดจีนได้มีชาวเวียตนามรวมทั้งอดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ อพยพหนีสงครามเข้ามาพำนักที่นครพนมจำนวนมาก โดยเฉพาะที่บ้านนาจอก ปัจจุบันได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย–เวียดนาม และบ้านท่านโฮ จิ มินห์ขึ้นที่นี่ หลังสงครามสงบชาวเวียดนามก็ได้อพยพกลับในปี 2503 ได้สร้างหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ไว้ให้เป็นที่ระลึก

ด้วยความนครพนมที่อยู่ใกล้ลาวและเวียดนาม มีชนเผ่าต่างๆ เข้ามาตั้งรกราก มีความสัมพันธ์ มีการอพยพเคลื่อนย้ายกันมาแต่โบราณจึงได้รับอิทธิพลทางศิลปะวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะพบเจอสาวงามนครพนมได้ไม่ยาก ประเพณีสำคัญของนครพนมมีทั้งของพุทธคือการไหว้พระธาตุพนม ไหลเรือไฟ แข่งเรือยาวน้ำโขง บูชาผีฟ้าในบุญบั้งไฟ  งานบวงสรวงปู่ถลา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองของชาวผู้ไท งานบุญซำฮะที่ได้รับอิทธิพลจากฮินดู  และงานประเพณีของชนเผ่าต่างๆ เช่นชาวแสก ชาวโส้ รวมไปถึงงานเทศกาลตรุษจีนที่ได้รับอิทธิพลจากเวียดนาม

ปัจจุบันนครพนมมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 สามารถเดินทางข้ามลาวไปเวียดนามระยะทางประมาณ 150 กม.

กลับมาถึงห้องเปิดทีวีดูข่าวพยากรณ์อากาศ พายุฝนเข้าภาคเหนือ อีสาน ถึงว่า ได้เจอฝนตอนหน้าหนาว ได้ทั้งหนาวทั้งเย็น อากาศน่าเป็นหวัดจริงๆ

ผมไม่ชอบกินยา ถ้าป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็จะปล่อยให้ร่างกายรักษาตัวเองตามแบบ “ธรรมชาติบำบัด” ที่เชื่อร่างกายของมนุษย์มีกระบวนการขจัดสารพิษและเชื้อโรคที่เข้ามา โดยทางการขับถ่าย หายใจ เหงื่อ หากร่างกายขับสารพิษไม่ทัน ก็จะมีกระบวนการขับพิษแบบพิเศษ เช่น ท้องเสีย อาเจียน หรือเป็นหวัด การป่วยไข้จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะร่างกายกำลังอยู่ในโหมดขับพิษ เราแค่หยุดพัก ปล่อยให้ร่างกายบำบัดตัวเอง แล้วย้อนกลับมาพิจารณาตนเอง ว่าที่ผ่านมาเกิดความผิดพลาดตรงไหน

เอาล่ะ ถึงเวลาพักผ่อน พรุ่งนี้มันจะต้องดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น