วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Monthly Trip มกราคม 15 : ไชยา-ท่าขนอน (คีรีรัฐนิคม) (24-25/1/15)

บนสะพานข้ามคลองพุมดวง คีรีรัฐนิคม

จริงๆ แล้วทริปนี้ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ชวนแม่ขับรถไปสำรวจเส้นทาง แล้วชวนสมาชิกแถวบ้านไว้ตั้งแต่เมษาปีก่อน แต่ช่วงนั้นอากาศก็ร้อนเกิน ขยับไปหน้าฝน ฝนก็ตกไม่หยุด มาถึงหน้าหนาว ราคายาง ผลผลิตปาล์มก็ร่วงดิ่ง จนไม่มีกะจิตกะใจไปเที่ยวไหน  ปล่อยเลยข้ามปีจนทนไม่ไหว ชวนสมาชิกแถวบ้านก็ติดภารกิจกันหมด เลยชวนแม่ออกทริปกันสองคัน ปะ แม่ลุยกัน

ขาไป (24/1/15)


ยามเช้าบนถนนสาย 4112 ที่ท่าฉาง


ผมกะแม่ออกสตาร์ทจากบ้านตอนหกโมงเช้า ปั่นมาทางสายล่าง 4112 ถนนสองเลน สภาพดี ไหล่ทางกว้างปั่นสบาย สองข้างทางเป็นทุ่งนา สวนปาล์ม ยาง ถึงท่าฉางอาทิตย์ก็เริ่มขึ้น หมอกเช้าลอยอ้อยอิ่งเต็มทุ่งนา อากาศเย็นสบาย สวนกับนักปั่นเจ้าถิ่นหลายคัน แถวนี้มีชาวจักรยานเยอะกว่าที่ไชยาบ้านผม

แผงขายปลาช่อนแดดเดียวริมถนนสาย 401


ราวเจ็ดโมงเช้าก็ขึ้นสะพานจุลจอมเกล้าเข้าเมืองท่าข้าม (พุนพิน) ปั่นไปเจอร้านโจ้กหน้าสถานีรถไฟ แวะจัดการมื้อเช้า นั่งพักขาพอหายเหนื่อยก็ปั่นข้ามทางรถไฟมาทางสายย่อย ลัดเลาะหมู่บ้าน เลียบแม่น้ำตาปีมาเรื่อยๆ จนตัดกับสายหลัก 401 ข้ามสะพานแม่น้ำตาปี มาสักกิโลนึงก็เลี้ยวขวาเข้าสายย่อย 4263 แวะนั่งพักขาชมวิวที่ท่าน้ำวัดสุวรรณโกฎิ

แวะพักขาใต้ร่มยาง ข้างถนนสาย 2020


สักพักก็ปั่นต่อเลียบคลองพุมดวง*มาเรื่อยๆ จนตัดกับถนนเอเชียสาย 41 (AH2) เราปั่นลอดใต้สะพานไปเข้าสาย 2020 วิ่งเลียบคลองพุมดวงทางฝั่งซ้าย (ขนานกับสาย 4247 ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ) ตอนเราขับรถมาเซอร์เวย์เมื่อต้นปีที่แล้วถนนสายนี้ทรุดโทรมเป็นหลุมบ่อ มาคราวนี้ถนนเพิ่งซ่อมเสร็จสดๆ ร้อนๆ เส้นคมกริบ สองข้างทางเป็นป่ายาง สวนปาล์ม และสวนผลไม้ร่มรื่นมากๆ เลาะเลียบคลองพุมดวงไปเรื่อยๆ

คีรีรัฐนิคมเดิมชื่อเมือง "ท่าขนอน" เป็นเมืองโบราณร่วมยุคสมัยกับเมืองไชยา และเมืองท่าทอง (อ.กาญจนดิษฐ์) ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย พบการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองท่าขนอนนอดีตยังบอกเล่ามาถึงปัจจุบันผ่านบ้านเรือนไม้ทรงปั้นหยาอายุหลายสิบปี แบบที่นิยมมกันในท้องถิ่นปักษ์ใต้ในอดีต อยู่ตลอดทางที่เราปั่นผ่าน

โถงส่วนแรก ถ้ำสิงขร


รูปเขียนฝาผนังพุทธประวัติ มีถ้วยชามประดับประดาคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้า

แม่ปั่นนำหน้าผมปั่นตามแบบไม่รีบร้อน เจอสะพานข้ามคลองเราแวะไปเที่ยว พักกินน้ำ กินขนม ทักทายพรานเบ็ดที่กำลังตกปลาบนสะพาน ได้ปลาลำปำ (ตะเพียนหางแดง) ขนาดฝ่ามือหลายตัว เปิดกูเกิลแมพดูเห็นทางเล็กๆ เลียบคลอง เราปั่นลัดเลาะไปเรื่อยจนไปตัดกับสายหลัก เที่ยงๆ ก็มาถึงวัดถ้ำสิงขร แหล่งโบราณสถาณสำคัญ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา เราเลี้ยวไปนั่งพักที่หน้าถ้ำ ภูเขาหินปูนลูกโดด ภายในมีโถงหลายห้อง มีหินงอกหินย้อยงดงาม  เราจอดรถแล้วเดินเข้าไปชมถ้ำส่วนแรก มีพระประธานปางป่าเลย์ไลก์ บนผนังถ้ำมีภาพเขียนสีพุทธประวัติ ลางเลือนไปตามกาลเวลา บนผนังเพดานถ้ำมีการประดับถ้วยชามโบราณ ดูคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้า เดินชมได้สักพักแม่บอกเป็นห่วงรถ เลยต้องกลับออกมา

คลองน้ำใส

ออกปั่นต่อไปเที่ยวคลองน้ำใส เลี้ยวขวาจากถนนใหญ่ไปอีกกิโลครึ่ง ทางเป็นลูกรังบดอัด ช่วงหน้าแล้งแบบนี้รถวิ่งผ่านทีฝุ่นคลุ้งจนเราต้องหยุดปิดจมูก  ปั่นผ่านสวนยาง ปาล์ม ไปถึงเกือบบ่ายโมง จอดรถล็อคไว้แล้วเดินเข้าไป เสียค่าธรรมเนียมคนละ 10 บ. คลองน้ำใสเป็นลำคลองธรรมชาติ ผุดขึ้นจากตาน้ำธรรมชาติใต้ดินในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลถ้ำสิงขร น้ำใสสะอาดสีเขียวครามมองเห็นพื้นน้ำ ด้านหนึ่งเป็นป่าชุมชนอีกด้านเป็นสวนปาล์ม กว้างประมาณ 2-5 ม. ลึกประมาณ 1.3 ม. ยาวประมาณ 3 กม. ไหลไปลงคลองพุมดวง  บริเวณที่เปิดเป็นที่ท่องเที่ยวมีซุ้มที่นั่งพักผ่อน และร้านอาหาร มีห่วงยางให้เช่าเล่นน้ำ วันนี้วันเสาร์จึงมีวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนเล่นน้ำกันหลายกลุ่ม

พักขาหน้าวัดเขาพระราหู


เดินเที่ยวสักพักก็ปั่นกลับออกมาเข้าสายเดิม 2020 จากทางเรียบๆ ปั่นเพลินๆ อยู่ๆ ก็เข้าโค้งแล้วเจอเนินชัน 8% (ตามที่ป้ายบอก)โดยแทบไม่ทันตั้งตัว ผมลดเกียร์อัดขึ้นไปจอดหน้าวัดเขาพระราหู สักพักแม่ก็เข็นตามขึ้นมา แวะพักขากินน้ำ เดินขึ้นไปชมเจดีย์ด้านบนสักพักก็ขึ้นอาน ไหลลงเขาไปตัดกับสาย 4100 ปั่นผ่านย่านชุมชนและโรงพยาบาลคีรีรัฐ ผ่านสวนยาง ปาล์ม ก็เริ่มขึ้นควนเล็กน้อย สองข้างทางเป็นทิวต้นอินทนิลร่มรื่นสวยงามมาก

ซุ้มอินทนิลบนถนนสาย  4100

ราวบ่ายสองแวะกินข้าวเที่ยงที่บ้านทำเนียบ เสร็จแล้วปั่นกลับมาพักที่ ช่องฮาย ฟอเร็สท รีสอร์ท บ้านพักหลังเดี่ยวในสวนปาล์ม ห้องแอร์ น้ำอุ่น ราคาไม่แพง อาบน้ำนอนพัก ราวหกโมงก็ตื่น ออกไปหาข้าวเย็นที่สี่แยกบ้านทำเนียบ ปั่นไปอีกราวๆ สองกิโล

ขากลับ (25/1/15)

ป้าเขียวไข่กากับซีซีฟบนสะพานคีรีรัฐ

ตื่นเก็บของออกเดินทางราวเจ็ดโมงเช้า ปั่นกลับมาทางเดิม หมอกยังอ้อยอิ่งอยุ่ตามทิวเขา เราปั่นผ่านซุ้มอินทนิลมุ่งหน้าสู่เมืองท่าขนอน แวะพักถ่ายรูปบนสะพานข้ามคลองพุมดวง เมื่อต้นปีก่อนผมกับเพื่อนออกทริปเขาสก ขากลับผ่านคีรีรัฐ ก็แวะถ่ายรูปบนสะพานนี้ มุมเดียวกัน คราวนั้นตอนเย็น มองเห็นทิวเขาลิบตาสะท้อนแดดเย็นสีเหลืองอุ่น แต่คราวนี้หัวเช้าหมอกลงบดบัง เห็นไกลแค่ริมฝั่งน้ำ ซ่อนความลึกลับและความทรงจำเอาไว้เบื้องหลัง

สถานที่เดียวกัน ต่างเวลา ต่างยานพาหนะ ก็ได้บรรยากาศต่างกันไป

กุฏิวัดปราการ ทรงปั้นหยา (หลังขวามือ) ลักษณะทั่วไปของบ้านเรือนปักษ์ใต้สมัยก่อน

ต้นพิกุลเก่าแก่อายุนับร้อยปี หน้าโบสถ์วัดปราการ


ลงจากสะพานก็แวะเที่ยววัดปราการ วัดเก่าแก่คู่เมืองท่าขนอน ต้นพิกุลใหญ่อายุกว่าร้อยปีโดดเด่นเป็นสง่า เห็นแต่ไกล ดอกเล็กๆ น่ารักหล่นกระจายใต้โคน กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ เข้ากับบรรยากาศยามเช้า แม่เห็นต้นมะขามป้อมก็เดินปรี่ไปเก็บ  ผมเดินอ้อมโบสถ์ทรงรัตนโกสินทร์นิยมไปชมกุฎิไม้เก่าแก่ทรงปั้นหยาข้างหลัง

เรือนห้องแถวไม้ริมถนนหน้าวัดปราการ


สักพักก็ปั่นต่อเลียบถนนสายหน้าวัด สองข้างทางเป็นเรือนห้องแถวไม้เก่าแก่ บ้างเปิดเป็นร้านชำ ตาแก่ๆ แมวเก่าๆ นั่งอาบแดดยามเช้าอยู่หน้าร้าน สักพักก็ไปตัดรวมกับถนนสายหลัก ถนนตัดใหม่อ้อมชุมชนสายเดิม ติกแถวบ้านเรือนรุ่นใหม่ๆ ผุดขึ้นตลอดทาง

พาแม่ลุยถนนดินแถวบ้านเขาหลุง

แวะในตลาด กินโจ้กเป็นมื้อเช้าต่อด้วยกาแฟอีกแก้ว แล้วปั่นกลับทางเดิมไปออกสาย 4247 ก่อนจะไปตัดเข้าสายย่อยเลียบเขาหลุง ถนนลูกรังตัดลัดเลาะผ่านสวนไปตัดกับสายหลักจากคีรีรัฐไปวิภาวดี ถนนสองเลนสภาพพอใช้ เลียบคลองยันไปเรื่อยๆ แดดสายๆ เริ่มร้อน แต่มีร่มไม้ข้างทางให้หลบแดดเป็นระยะๆ ขึ้นควนลงควน ผ่านสวนและบ้านเรือน ไปข้ามคลองยันเข้าถนนสาย 4262 ผ่านเมืองวิภาวดี ช่วงนี้ถนนสองเลนสภาพไม่ค่อยดี มีหลุมบ่อประปราย มีเครื่องจักรกำลังขยายถนนและสะพาน

ถนนสาย 4262 ที่วิภาวดีกำลังปรับปรุง ขยายสะพาน


ผมปั่นตามแม่ไปเรื่อยๆ ถึงบ้านเสวียดแวะกินมื้อเที่ยง เสร็จแล้วปั่นเข้าทางลัดข้างโรงเรียนเสวียดรัชมังคลาภิเษก ผ่านบ้านสะพาน ขึ้นควนผ่านซุ้มร่มยางไปออกหน้าวิทยาลัยการอาชีพ ไชยา ปั่นตอไปออกสี่แยกไชยา ตรงไปผ่านตลาด ถึงบ้านราวบ่ายสองโมง

ลัดเลาสวนยางหลังเขานางเอ ไปออกวิทยาลัยการอาชีพ ไชยา


ไปถึงบ้านแม่รีบโม้ให้พ่อฟังใหญ่ แล้วส่งรูปไปอวดเพื่อนในกลุ่มไลน์  เห็นแม่แฮปปี้ ผมก็แฮปปี้ ปีนี้เริ่มด้วยทริปสั้นๆ ใกล้ๆ พาแม่หัดทัวร์ พลาดจุดท่องเที่ยวไปหลายแห่ง แต่ก็นับว่าเป็นทริปเล็กๆ ที่ไม่เลว

*หมายเหตุ คลองพุมดวงมีต้นกำเนิดบริเวณเทือกเขาภูเก็ต รอยต่อระหว่างพังงา-สุราษฎร์ฯ คลองสายเล็กสายน้อยรวมกันเป็นแม่น้ำ ไหลผ่านพนม บ้านตาขุน เขื่อนเชี่ยวหลาน (รัชชประภา) ผ่านคีรีรัฐนิคมไปรวมกับแม่น้ำตาปี (ซึ่งมีต้นกำเนิดที่เทือกเขาหลวง นครศรีธรรมราช) ที่พุนพิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น