วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 9 (5/12/13) ป้อมตำรวจอาฮี-เชียงคาน

ริมน้ำโขงที่เชียงคาน


เมื่อคืนก็หนาวมากพอๆ กับคืนก่อน แต่เพราะผูกเปลนอนลมพัดลอดผ่านได้ แม้จะใช้ฟลายชีทห่อคลุมอีกชั้นก็เอาไม่อยู่ ในที่สุดทนหนาวไม่ไหวตื่นตั้งแต่หัวรุ่งก่อนเสียงนาฬิกาปลุก เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักปั่นทัวริงส่วนใหญ่นิยมนอนเต็นท์แถมยังมีแผ่นรองนอนปูเป็นฉนวนกันความเย็นจากพื้น และช่วยเก็บรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายอีก  ทริปหน้าค่อยว่ากัน

เก็บของเสร็จต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนมปัง ระหว่างนั่งอ้อยอิ่งเสพคาเฟอีน พระธุดงค์รูปหนึ่งก็เดินเข้ามายื่นถุงใส่น้ำ นม ขนม และข้าวสารเหนียวให้ถุงเบ้อเริ่ม ใครหนอช่างใจดำถวายข้าวสารให้หลวงพ่อ ไม่รู้หรือไงว่าพระหุงข้าวเองไม่ได้  ให้ดีควรถวายอาหารหรือผลไม้ที่ทำสำเร็จพร้อมฉัน ถ้าเลยเที่ยงไปแล้วถวายได้แค่ของเหลว น้ำ นม งดอาหารหนักที่ต้องขบเคี้ยว เพราะพระเก็บอาหารไว้ข้ามคืนไม่ได้ ยกเว้นเครื่องดื่ม  ผมเก็บขนมและน้ำไว้นิดหน่อยที่เหลือยกให้ตำรวจในป้อม

เช้านี้หมอกลงจัด


ออกเดินทางราว 8 โมงเช้า แวะไปลาตำรวจแล้วปั่นมาตามสาย 2195 ถนนช่วงนี้เริ่มดีขึ้น สองข้างทางเป็นไร่มัน พอลงที่ลุ่มก็เป็นนาข้าวสุดลูกตา ตอนเช้าหมอกลงหนาจนต้องเปิดไฟเป็นสัญญาณให้รถคันอื่นมองเห็น แวะที่สะพานมิตรภาพน้ำเหืองไทย-ลาว จากนี่ข้ามไปเมืองไซยบุรีอีก 229 กม. ไปหลวงพระบาง 363 กม. สะพานและด่านตรวจคนเข้าเมืองเริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2547

ป้ายหลักไมล์บอกระยะทางเมืองหลักในลาว

รถบรรทุกปูนสามคันเมื่อวานขนปูนมาจากสระบุรี เข้าลาวที่นี่เพื่อไปส่งปูนที่เขื่อนไชยบุรี ขากลับก็แวะอาบน้ำที่ป้อมตำรวจอาฮี ก่อนจะขับรถวนกลับไปรับปูนอีกครั้ง

ป้ากะลุง คนเลี้ยงวัวฝูง


ออกจากสะพานน้ำเหืองก็ปั่นมาทางสายหลักเรื่อยๆ  เจอวัวฝูงอยู่ทางซ้ายมือ แวะจอดรถถ่ายรูป ป้ากะลุงก็เดินมาคุยด้วย  ขณะนั้นบรรยากาศทางการเมืองกำลังครุกรุ่น พวกเขาคิดเห็นอย่างไร “...ทำไมเขาไม่อดทนกันบ้าง อยากเป็นนายกฯ ก็ลงเลือกตั้งสิ สามสี่ปีจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ถ้าเข้าตา ชาวบ้านเขาเลือกเอง นี่เอะอะอะไรก็ประท้วงๆ ไม่เคารพกติกากันเลย...”  ป้าบ่นอย่างเหลืออด ผมก้ได้แต่รับฟัง สักพักเราล่ำลาออกปั่นต่อ แกอวยพรให้โชคดี

ตอนอยู่บนเบาะก็คิดขึ้นมาเล่นๆ ว่า คนเล็กคนน้อยส่วนใหญ่ในประเทศนี้คือคนที่เคารพกติกา เพราะนั่นอาจเป็นหนทางไม่มากในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรม  ขณะที่กลุ่มที่่ครองอำนาจฝั่งหนึ่งก็อ้างชาวบ้านเป็นฐานเพื่อรักษาอำนาจของตน  ส่วนอีกฝั่งที่ผูกติดกับอำนาจเก่าก็พยายามทำทุกวิถีทาง บิดเบือนกติกาเพื่อแย่งชิงอำนาจกลับมา รักษาสถานภาพเดิมเอาไว้  อยู่ที่ว่าเราจะเลือกฝั่งไหน ฝ่ายที่ยึดโยงกับประชาชน หรือฝ่ายที่อ้างอำนาจพิเศษเข้ามา ประเทศนี้เป็นของเราทุกคน จะให้มันไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับเรา

แก่งโตน เกาะแก่งธรรมชาติกลางลำน้ำเหือง


ออกมาได้สักพักเห็นป้ายสีน้ำเงินแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เลี้ยวเข้าไปชมแก่งโตน แก่งหินธรรมชาติในลำน้ำเหือง มีจุดเล่นน้ำ มีห่วงยางให้เช่า และร้านอาหารบนแพไม้ไผ่ริมน้ำให้บริการ ช่วงหน้าแล้งจะมีคนมาเที่ยวเยอะ  พักชมวิวพอหายเหนื่อยก็ปั่นลัดเลาะผ่านหมู่บ้าน เรือนแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้หลังคาจั่ว ใต้ถุนสูง ข้างๆ มียุ้งข้าวหลังย่อมน่ารัก  หลังไหนอยู่ติดถนนก็ใช้ประตูบ้านเฟี้ยมแบบจีน  กาลเวลาขัดเกลาให้ลวดลายบนฝาไม้เผยตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็ซ่อนเร้นมันไว้ด้วยคราบไคลคล้ำ งดงามน่าหลงใหล

ถนนบางช่วงกำลังปรับปรุง


ปั่นผ่านหมู่บ้านมาสักพักก็เจอทางแยก สายหลักเลี้ยวขวา ตัดสินใจตรงไปทางบ้านหาดพระ ไหนๆ ทริปก็ตั้งใจจะปั่นเลียบแม่น้ำแล้วก็เลาะให้มันสุดตะเข็บ ไปถึงบ้านหาดพระก็ลงไปชมแม่น้ำสักหน่อย ถนนสายเล็กๆ ลัดเลาะไหล่เขา เลียบริมตลิ่งน้ำเหือง บางช่วง “เครื่องจักรกำลังทำงาน” ถนนสายนี้มีรถใช้น้อย บางช่วงก็เล็กแคบรถยนต์แทบจะวิ่งสวนกันไม่ได้ เพราะต้นไม้สองข้างขึ้นรกจนเป็นซุ้มไม้ พอออกมาถึงที่โล่งก็แวะพัก มองข้ามลำน้ำไปชมวิวฝั่งลาว บนภูเขาป่ายังเขียวครึ้ม ถัดลงมาไหล่เขากลายเป็นไร่ข้าวโพด เสาไฟฟ้าปักเรียงตามแนวถนนลูกรัง รถบรรทุกวิ่งผ่านทีฝุ่นคลุ้งเห็นแต่ไกล

น้ำเหืองที่บ้านท่าดีหมี ซ้าย-ไทย ขวา-ลาว


ออกปั่นต่อได้สักพัก Surly LHT สีเขียวมะกอก ก็เข้ามาตีคู่ คุยกับนักปั่นได้ความว่ามากับคณะหกเจ็ดคัน ชวนกันลางาน เหมารถตู้จากกรุงเทพฯ มาท่าลี่ปั่นไปเชียงคาน ไปเข้าลาวที่หนองคาย เป้าหมายคือเขื่อนน้ำงึม  สักพักคณะรถทัวร์ขาแรงก็แซงหน้านำไปก่อน ผมตามไปทันที่ร้านอาหารที่บ้านท่าดีหมี  อิ่มแล้วก็ก็ออกนำมาก่อน ไปเจอทีมรถทัวร์อีกครั้งที่พระใหญ่ภูคกงิ้ว จุดชมวิวน้ำเหืองสีเขียวใสไหลมาสบกับน้ำโขงสีขุ่นแดง ด้านบนประดิษฐานพระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ พระพุทธรูปปางลีลาประทานพร หล่อเรซิ่นสูง 19 ม. สร้างขึ้นเมื่อปี 2542

แก๊งค์รถทัวร์จากรุงเทพฯ บนสะพานข้ามแม่น้ำเลย


ชมวิวเสร็จแล้วออกปั่นนำมาก่อน ถนนสาย 2195 ช่วงนี้สภาพไม่ค่อยดี หลุมบ่อ ผิวลาดยางผุพังเป็นลูกรัง รถยนต์วิ่งสวนทีต้องหยุดให้ฝุ่นสงบก่อนค่อยปั่นต่อ ริมโขงข้างมีท่าทรายใหญ่ๆ หลายแห่ง ทรายละเอียดหกกองอยู่เต็มไหล่ถนน รถผมใส่ยางกึ่งทางเรียบต้องระมัดระวังมาก  มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำเลยหยุดแวะถ่ายรูป สักพักทีมรถทัวร์ก็ตามมาทัน คืนนี้พักกันที่เชียงคาน โทรหารุ่นพี่สมัยอยู่เชียงใหม่ ตอนนี้มาทำเกสเฮาส์อยู่ที่เชียงคาน ได้พิกัดคร่าวๆ ก็ออกปั่นตามไป

หน้า "บ้านชางเคียง"

ราวห้าโมงเย็นไปถึงเชียงคาน โทรหารุ่นพี่อีกครั้ง แกบอกมาทางสายใน เห้ย เกสเฮาส์ โฮมสเตย์เต็มไปหมด แล้วจะหาเจอได้ไง พี่แกบอก มาเหอะ เดี๋ยวก็เห็นเอง  ผมก็ปั่นไปตามถนนชายโขง แต่นักท่องเที่ยวพลุกพล่านจนต้องลงเข็นจักรยาน สักพักก็เจอแกนั่งดูดบุหรี่อยู่หน้าเกสเฮาส์ “บ้านชานเคียง” ที่พักเล็กๆ ป๊อปๆ น่ารัก สไตล์จังซ์ เห็นปุ๊บนึกถึงบรรยากาศร้านนมที่เราเคยร่วมหัวจมท้ายกันที่เชียงใหม่

แต่เสียใจด้วย ช่วงนี้ไฮซีซั่นห้องเต็มหมดแล้วว่ะ คืนนี้เลยได้อาศัยนอนบ้านที่รุ่นพี่เช่าไว้อยู่ใกล้ๆ ย่านนั้นแหละ

วันนี้ได้ระยะทาง 70 กม. เวลาปั่น 5 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 14 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 58 กม./ชม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น