วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 4 วันที่ 8 (17/12/13) นครพนม-มุกดาหาร

ร่มรื่นต้นไม้ ริมถนนสุนทรวิจิตร เมืองนครพนม



วันนี้ตื่นเช้ารู้สึกสดชื่น อากาศสดใสไม่มีเค้าฝนหลงเหลือ ได้พักขาวันนึง รู้สึกกำลังวังชาจะกลับคืนมาบ้างแล้ว เก็บของเสร็จลงไปคืนกุญแจ แพ็คกระเป๋ากับรถแล้วออกเดินทาง


ตึกเก่าสริมถนนสุนทรวิจิตร


ย้อนกลับไปถนนสุนทรวิจิตร ปั่นเลียบโขง ชมเมืองนครพนมเก็บตกจากเมื่อวานสักหน่อย ตึกเก่าสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล อิทธิพลจากฝรั่งเศสสมัยที่เข้ามายึดครองอินโดจีน ยังคงหลงเหลืออยู่หลายหลัง ตึกเก่าริมโขงหลายๆ เมืองที่ผ่านมาก็น่าจะได้อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแนวนี้ด้วยเช่นกัน

พระแม่มารี หน้าวัดนักบุญอันนา
แวะที่ “วัดนักบุญอันนา” หรือ “โบสถ์หนองแสง” โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิกเก่าแก่นับร้อยปี อาคารโบสถ์ยอดสูงแหลมสไตล์โกธิก ด้านหน้ามีรูปปั้นพระแม่มารีกับพระบุตรหันหน้าไปทางแม่น้ำโขง

ออกปั่นต่อผ่านจวนผู้ว่าหลังเก่า ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่เห็นคนเยอะขี้เกียจเข้าไป ข้างถนนริมโขงช่วงนี้มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ฝั่งริมโขงก็มีทางให้ปั่นจักรยานหรือเดินออกกำลังกาย

ก่อนออกจาเมืองนครพนมแวะร้าน “พรเทพอาหารเช้า” ชื่อก็ชัดเจนอยู่แล้ว สั่งหมูยอทอด แซนด์วิชแกล้มกาแฟ กำลังจะเดินไปจ่ายตังค์ ดันไปเห็นเมนูแปลก “ต้มเส้น” สั่งมาลองอีกชาม เป็นอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว มีวุ้นเส้น เนื้อไก่ โรยหน้าด้วยถั่วงอกลวกและต้นหอมผักชี น้ำใสคล้ายๆ ก๋วยจั๊บญวน อร่อยดี สังเกตว่ามีลูกค้าแวะเข้ามาไม่ขาด

หลง(ไหล)ทางในหมู่บ้าน

ตามถนนเลียบโขงจนออกสายหลัก 212 ปั่นมาเรื่อยๆ เจอหมู่บ้านซ้ายมือแวะเข้าไป ตั้งใจว่าจะหาทางเล็กๆ ในหมู่บ้านปั่นเลียบโขงไปเรื่อยๆ เปิดแผนที่ดูก็ไม่เห็น คิดเอาเองว่าอาจเป็นถนนตกสำรวจ เจอชาวบ้านก็ไม่ได้แวะถาม มือถือก็ยังไม่ได้เปิด 3G ใช้กูเกิลแมพก็ยังใช้ไม่ได้ ด้วยความมั่นใจว่าไปได้แน่ๆ สุดถนนคอนกรีตลงลูกรัง ผ่านหมู่บ้าน ไร่นา ดั้นด้นไปจนสุดทางที่ไร่หอมริมโขง ชาวบ้านบอกทางตัน กำ ! ต้องปั่นกลับทางเดิม

บ้านในชนบทอีสาน พบระหว่างหลงทาง


การหลงทางมั่งไรมั่งก็สนุกดีนะ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ห่างจากถนนใหญ่ หากเราไม่ปั่นจักรยานหลงเข้ามาก็คงไม่มีโอกาสได้พบเจอ ถือว่าเป็นกำไรของการเดินทาง

พระธาตุพนม

ไปถึงวัดพระธาตุพนมตอนเที่ยง จอดรถแวะเข้าไปกราบพระธาตุ เห็นนักท่องเที่ยวประปราย เดินวนรอบพระธาตุแล้วออกมาด้านนอก มีร้านค้าเรียงรายอยู่รอบวัด เช่นเดียวกับวัดดังอื่นๆ ตามประวัติ พระธาตุแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1200-1400 ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ไดล้มทลายลงมาทั้งองค์ ประชาชนจึงได้ร่วมมือกันบูรณะขึ้นใหม่ตามแบบเดิม โดยย้ายมาสร้างด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากองค์เดิมประมาณ 200 เมตร

แวะพักขาตากผ้าที่แก่งคับพวง


ออกมาหาข้าวเที่ยงกินแถวหน้าวัด แล้วปั่นมาทางสายเลียบโขง นพ. 3015 ถนนสายเล็กเลียบโขงตัดผ่านหมู่บ้าน แวะที่ “แก่งคับพวง” มีเรือลอยลำหาปลาอยู่สองสามลำ ที่มาของชื่อคือเป็นแก่งที่มีปลาชุกชุม จับได้ก็ร้อยเป็นพวงจนคับพวง ถือโอกาสพักขา ตากผ้ากับราวกันริมตลิ่งน้ำโขงเสียเลย แดดลมกำลังดี

เรือหาปลาที่แก่งกระเบายามเย็น


ผ้าแห้งก็เก็บของออกปั่นต่อ ราวสี่โมงเย็นแวะอีกครั้งที่ “แก่งกะเบา” มีร้านอาหารหลายร้านอยู่ริมโขง ที่ขึ้นชื่อคือ “หมูหัน” เดินลงไปริมน้ำโขง มีหินขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ริมฝั่ง ข้างๆ มีเรือหาปลาจอดพักอยู่หลายลำ หน้าแล้งน้ำลดมีหาดทราย นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนเล่นน้ำ

ออกปั่นต่อผ่าน “วัดสองคอน” โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่โดดเด่นด้วยอาคารรูปทรงร่วมสมัยสีแดงอิฐ แต่ใกล้ค่ำแล้ว ตั้งใจรีบไปให้ถึงเมืองมุกดาหาร ก็เลยไม่ได้แวะชม สักพักเริ่มมืดต้องเปิดไฟ ปั่นมาเรื่อยๆ ราวทุ่มกว่าๆ มาถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)

ปั่นเวียนหาที่พักในเมือง จนได้โรงแรมเก่าๆ ราคาถูก คืนละ 350 บ. ท่าทางเหมือนกำลังรอรื้อสร้างใหม่ ข้างล่างเป็นที่จอดรถยนต์ เราต้องแบกจักรยานขึ้นห้องพักชั้นบน แอร์รุ่นโบราณเสียงครางครืนๆ จนต้องปิดแล้วเปิดหน้าต่าง เหนื่อยๆ แบบนี้ขอแค่มีที่ซุกหัวนอนเถอะ หลับเป็นตาย

วันนี้ได้ระยะทาง 131.52 กม. เวลาปั่น 7.31 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 17.5 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 34 กม./ชม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น