![]() |
จากระเบียงห้องพักที่ "บ้านตำมิละ" อีกฝั่งโขงคือเมืองห้วยทราย |
หลังจากกินกาแฟแกล้มบาแก็ต+ไข่กวนที่ครัวตำมิละเสร็จก็ออกมาเก็บของแพ็ครถ ก็เริ่มสังเกตเห็นกระเป๋าหลังข้างขวาบริเวณตะเข็บเริ่มขาดเป็นแนวยาวถึงก้นกระเป๋า งานเข้าแล้วว้อยพี่เสือ! ผมเพิ่งสังเกตเห็นรอยขาดเมื่อสองสามวันก่อน ไม่นึกว่าจะลุกลามรวดเร็วปานนี้ เอาสายยางมัด ๆ แล้วรีบควบไปหาร้านซ่อมกระเป๋าในตลาดเชียงของ ช่างเย็บผ้าสาวใจดีใช้ผ้าใบอีกผืนเสริมเย็บให้อย่างแน่นหนา ไม่งอแงอีกเลยจนจบทริป ขอบคุณจั๊ดนักค้าบ
กระเป๋าคู่หลัง วินสิตา B060 ทริปแรกก็โดนซะแล้ว ขาดเฉพาะใบข้างขวาบริเวณตะเข็บขวาด้านในที่ชิดกับตะแกรง จะว่าโหลดสัมภาระมากไปก็ไม่ใช่ ใส่เปล ถุงนอน เสื้อผ้าเล็กน้อย รองเท้าแตะกับขวดน้ำครั้งคราว น้ำหนักรวมอยู่ราว ๆ 5-7 กก. (ยกดูก็หนักพอๆ กับข้างซ้ายที่ใส่เสื้อผ้า) อยู่ในพิสัยที่กระเป๋ารับได้สบาย หรืออาจเป็นเพราะตะแกรงหลัง Topeak Super Tourist DX ที่ขามันโก่งหลบดิสก์ มันดันกระเป๋าออกแต่น้ำหนักสัมภาระผลักเข้ามา ปั่นนานๆ ก็เกิดความเครียดเค้นสะสมจนฉีกขาดในที่สุด
![]() |
กระเป๋าเมื่อวานมีรอยขาดประมารครึ่งทาง |
ออกจาเชียงของก็ปั่นมาตามสาย 1020 ถนนสี่เลนไปเชื่อต่อกับสายเอเชีย AH3 ที่เลี้ยซ้ายไปขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ไปถึงแยกทุ่งงิ้วเที่ยงๆ ก็แวะร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นเมนู “ข้าวซอยราดหน้า” เอ๊ะลืมเว้นวรรคหรือยังไง ด้วยความสงสัยเลยจัดมาชามนึง ถึงได้รู้ว่าคืออาหารท้องถิ่นประเภทก๋วยเตี๋ยว สั่งเส้นเล็ก โปะหน้าด้วยหมูสับ ถั่วงอก แถมมะนาวอีกซีก น้ำขลุกขลิก รสชาติออกจืดๆ มันๆ ก็อิ่มอร่อยไปอีกแบบ ระหว่างนั้นเห็นเจ้าของร้านมาด้อมมองๆ พี่เสือด้วยความสนใจ จึงได้คุยกันตามประสาคนบ้าจักรยาน เดือนหน้าเขาจะร่วมทริปกับชมรมจักรยานเชียงของปั่นเข้าลาว เขาแนะนำทางเลียบแม่น้ำอิงลัดออกสายหลัก 1155 ดูแผนที่ประกอบแล้วปั่นตามถนนสายเล็กผ่านหมู่บ้านริมแม่น้ำ ข้างทางเป็นนาข้าว ไร่ข้าวโพด ยาสูบ สงบ เงียบ เรียบง่าย งาม
![]() |
กับรถอีแต๋น บนถนนสายเล็กในหมู่บ้าน |
ขึ้นสายหลัก 1155 ได้สักพักก็เริ่มเจอดอยให้เลือดสูบฉีด อัดขึ้นมาเรื่อยๆ ซ้ายมือคือวิวแม่น้ำโขงในมุมสูง สักพักก็มาถึงจุดชมวิวน้ำโขงบ้านห้วยเอียน แวะซื้อกาแฟกระป่องแกล้มกล้วยแขกที่หิ้วมาจากเชียงแสน พักขากินขนม เข้าห้องน้ำเสร็จก็ขึ้นเบาะตะกายดอยต่อ
![]() |
ที่จุดชมวิวบ้านห้วยเอียน |
บ่ายสามโมงมาถึงสามแยกเลี้ยวขวาไปภูชี้ฟ้า ผมเลี้ยวซ้ายไปแก่งผาได ตั้งใจจะไปให้สุดขอบแผนที่ จุดสุดท้ายที่แม่น้ำโขงออกจากไทยเข้าลาว พอปั่นผ่านย่านตลาด ที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจภูธรเวียงแก่น ถนนก็กลายเป็นสายเล็กๆ ผิวลาดยางแตกระแหง มีหลุมบ่อเป็นระยะๆ ขึ้นเนินบ้างเล็กน้อย
หยุดแวะที่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว บ้านห้วยลึก มีเรือจอดรอขึ้นปูนซีเมนต์ อุปกรณ์ก่อสร้างและเครื่องอุปโภคบริโภคเทียบท่าอยู่สองสามลำ ข้างๆ มีแพขายก๋วยเตี๋ยวและของชำอยู่สองลำ แวะไปนั่งจิบชาเขียวคุยกับเจ้าของร้าน หนุ่มใหญ่อารมณ์ดี เห็นผมปั่นจักรยานมาก็รำลึกความหลังให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยขับสิบล้อส่งของไปทั่วประเทศ แต่ก็เป็นได้แค่ลูกจ้างเขา พอเหลือเงินเก็บก็ออกมาเปิดแพขายของที่บ้านเกิด เป็นนายของตัวเองแต่เป็นลูกจ้างของเมีย 555 แซวกันเล่น ๆ ล่ำลาแล้วลงแพมาขึ้นอานต่อ
![]() |
ท่าเรือที่จุดผ่อนปรนบ้านห้วยลึก |
จากห้วยลึกถนนจะเริ่มเลียบโขง ข้างทางมีทั้งนาข้าว สวนส้มโอเวียงแก่น สินค้าขึ้นชื่อของย่านนี้ ริมตลิ่งมีไร่ข้าวโพด ยาสูบ ไหล่ดอยหน่อยก็ปลูกยางพารา มีรอยเปิดกรีดบ้างแล้วหลายแปลง ปาล์มน้ำมันอายุปีสองปีก็มีให้เห็นประปราย แวะอีกครั้งที่แก่งก้อนคำ มีศาลาพักห้องน้ำพร้อม ข้างล่างก็มีลานกางเต็นท์ ป้ายบอกว่าเป็นผลงานของ อบต. ราวสี่โมงเย็น ก็มาถึงแก่งผาได จุดสุดท้ายที่น้ำโขงไหลออกจากไทยเข้าลาว ก่อนจะวกกลับมาอีกครั้งที่เชียงคาน ที่นี่มีลานกางเต็นท์ มีศาลานั่งเล่น ห้องน้ำครบครัน ริมน้ำโขงก็มีร้านอาหารบริการ
![]() |
แก่งผาได |
เมื่อต้นปี ตอนขับรถมากับครอบครัวยังนึกมาตลอดทางว่าจะต้องหาโอกาสปั่นจักรยานมาแถวนี้ให้ได้ แล้ววันนี้ผมก็มาถึงจริงๆ
หลังจากกระบะนักท่องเที่ยวสองคันกลับไปแล้ว ลงไปกินข้าวเย็นที่ครัวผาได ร้านอาหารแห่งเดียวของที่นี่ แม่ครัวนำเสนอลาบปลา ต้มยำปลา กับข้าวเหนียว แกล้มผักพื้นบ้านแปลกๆ ปลาน้ำโขงสด ๆ ที่ชาวเรือหิ้วขึ้นมาส่งตอนเรามาถึง อร่อยเด็ด ใครผ่านมาแถวนี้อย่าพลาด
![]() |
ครัวผาได บรรยากาศดี เมนูปลาน้ำโขงรสเด็ด |
คืนนี้ผูกเปลใต้ไม้ใหญ่ใกล้ๆ ตลิ่ง นอนฟังเสียงน้ำโขงไหลผ่านแก่งหินดังเบาๆ ราวกับน้ำคลองเล็กๆ ไหลผ่านก้อนหิน เสียงแมลงกลางคืนกล่อมอยู่ไม่ไกล ก้อนเมฆไหลบดบังแสงดาวเป็นพัก ๆ นอกจากนั้นก็เงียบสงบ
วันนี้ได้ระยะทาง 44.84 กม. ความเร็วเฉลี่ย 17.5 กม./ชม. ระยะเวลาปั่น 2.33 ชม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น