![]() |
ส้มตำที่นครพนม ใส่เม็ดกระถินด้วย |
เมื่อคืนนอนโรงแรมแมวเหมียว หลังการวิวาทะของมวลแมวจบแล้วก็หลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาจัดการอาหารเช้าเสร็จแล้วก็หิ้วกระเป๋าออกไปคืนกุญแจ จ่ายค่าห้อง แพ็ครถเสร็จออกเดินทางเกือบเก้าโมง ตัดเข้าสายหลัก 212 มุ่งหน้าสู่นครพนม
วันนี้ร่างกายเริ่มล้า รูสึกเจ็บคอและมีน้ำมูก ร่างกายเตือนว่าไข้หวัดกำลังมาเยือน ตั้งใจรีบไปให้ถึงนครพนม จะขอหยุดพักสักสองคืน ระหว่างทางวันนี้เลยไม่ได้ลัดเลาะแวะเข้าไปสายริมโขงเหมือนทุกวัน ได้แต่ปั่นประคองตัวมาเรื่อยๆ ไม่มีแรงจะอัดเลย
ระหว่างทางสวนกับครอบครัวจักรยาน แม่ปั่นเสือภูเขาทัวริงนำหน้า ลากเทรลเลอร์ลูกคนเล็ก ลูกคนโตปั่นเสือภูเขาตามหลัง ปิดท้ายด้วยพ่อปั่นเสือภูเขาทัวริงฟูลโหลด ผมกดกระดิ่งโบกไม้โบกมือทักทายกัน ดูหน้าตาท่าทางแล้วคาดว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก เห็นแล้วอิจฉา
แวะกินข้าวเที่ยงแถวบ้านโนนสวรรค์ ออกปั่นมาเรื่อยๆ เจอป้าย “แม่น้ำสองสี” ปั่นตามเข้าไปที่บ้านไชยบุรี เป็นบริเวณที่แม่น้ำสงครามสีเขียวไหลลงมาบรรจบแม่น้ำโขงสีแดง กลายเป็นแม่น้ำสองสีตัดกัน แต่จะเห็นชัดเจนช่วงฤดูฝน บริเวณปากแม่น้ำจะมีร้านอาหารบรรยากาศดีเหมาะกับการนั่งชมวิว ข้างๆ มีศาลาริมโขง แวะไปจอดรถนอนพักเสียงีบหนึ่ง ตื่นมาเจอฝรั่งขับฮอนด้า เวฟ โหลดเป้และข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาจอด พอเห็นผมปั่นจักรยานก็เลยแวะมาคุยกัน เขาเล่าให้ฟังว่าเที่ยวเมืองไทยโดยการเช่ามอเตอร์ไซค์แวนซ์ไปเรื่อย เมื่อคืนพักที่นครพนม ได้เจอกับครอบครัวนักปั่นชาวเกาหลี ผมบอกว่าสวนกันตอนเที่ยงนี่เอง อ้าวนึกว่าญี่ปุ่น ก่อนจากลาจับมืออวยพรให้โชคดีกัน
ปั่นกลับมาขึ้นสายหลัก ข้ามแม่น้ำสงครามก็แวะซื้อ “ส้มปลาโด” หรือปลาชะโดส้ม อาหารขึ้นชื่อของบ้านไชยบุรีและแถบแม่น้ำสงคราม คุยกับแม่ค้าสาว บอกว่าเดิมทีแม่น้ำสงครามมีปลาชะโดชุกชุม ชาวบ้านจับมาทำปลาส้มจนกลายเป็นอาหารและของฝากขึ้นชื่อ แต่ทุกวันนี้ปลาชะโดธรรมชาติหายากแล้ว ส้มปลาโดที่ขายๆ อยู่นี่ทำมาจากปลาชะโดที่เลี้ยงในกระชัง ในแม่น้ำสงครามนี่แหละ นอกจากปลาส้มแล้วก็ยังมีปลาร้า ปลาจ่อม ปลาเค็มหลายร้านตั้งขายอยู่สองข้างถนน ปลาส้มยังไม่รู้ว่าจะอร่อยจริงหรือเปล่า แต่สาวนครพนมนี่สวยสมคำร่ำลือจริงๆ
ได้ของฝากให้แม่แล้วก็ออกเดินทางต่อราวสี่โมงเย็น พอเข้าเขต อ.ท่าอุเทน ท้องฟ้าเริ่มครึ้มๆ ปั่นมาอีกสักพักฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ยังไม่หนักมาก ก็เปิดไฟหน้าหลังปั่นผ่าฝนมาเรื่อยๆ จนถึงเมืองนครพนมราวหกโมงกว่า แวะร้านส้มตำที่หน้าโรงพยาบาลนครพนม สั่งไก่ย่าง ส้มตำเผ็ดๆ มากินไล่หวัดซะหน่อย ไก่ย่าง ข้าวเหนียวนี่ยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ส้มตำแต่ละแห่งที่ลองชิมนี่ค่อนข้างแตกต่างกัน ที่นี่ท็อปปิงด้วยเม็ดกระถิน บางแห่งหักถั่วฝักยาวสีม่วงๆ ใส่ครกตำรวมกัน บางแห่งใส่มะเขือเทศสีดา บางที่ใส่มะเขือเทศลูกเล็กๆ สีสันน่าตื่นตา รสชาติก็น่าตื่นเต้น นี่คือความหลากหลายของส้มตำ ปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบในท้องถิ่น นับเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทาง
อิ่มแล้วถามหาที่พัก เจ้าของร้านส้มตำแนะนำโรงแรมด้านหลังโรงพยาบาล ปั่นตามไปดู เหลือห้องว่างห้องเดียว แต่แอร์เสีย ผมบอกไม่เป็นไร กำลังเป็นหวัด ยังไงก็ไม่เปิดแอร์อยู่แล้ว เขาเลยลดราคาจาก 350 บ.เหลือ 330 บ. ตกลงพักสองคืน จ่ายค่าห้อง รับกุญแจเสร็จ จอดรถล็อคไว้ในโรงรถ แล้วขนกระเป๋าพะรุงพะรังขึ้นห้อง อาบน้ำอุ่นๆ ซักชุดปั่น แอบขึงเชือกตากในห้อง ต้มน้ำชงน้ำขิงที่พกติดมาด้วยกินแก้หวัด แล้วนอนพักยาว
วันนี้ไม่ค่อยสบายรีบมาให้ถึงนี่ ไม่ได้แวะเที่ยวไหนมาก ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป มีในมือถือรูปเดียวก็ลงรูปเดียวนี้หละ มีเท่าไหนก็เอาเท่านั้น
วันนี้ได้ระยะทาง 95 กม. เวลาปั่น 6.30 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 15 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น