วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ยกที่ 3 วันที่ 6 (2/12/13) แก่งหลวง-สภ.บ้านโคก

คลองสายย่อยข้างที่กางเต็นท์ ไหลลงน้ำน่านที่แก่งหลวง


เมื่อคืนเข้านอนด้วยความตื่นเต้น แต่พอหลับก็หลับสบาย อาจเพราะปรับเปลให้เป็นเต็นท์ มีพื้นที่มากขึ้น ร่างกายยืดได้เต็มที่ไม่เหมือนนอนเปล  มื้อเช้ากินข้าวที่เหลือจากแบ่งให้เจ้าที่เมื่อคืนกับน้ำพริก แล้วต้มน้ำชงกาแฟแกล้มขนมปัง ไข่กวน เสร็จแล้วนั่งเขียนบันทึกรอผ้าแห้ง

ก่อนออกเดินทางรู้สึกปวดท้อง จึงหิ้วกระดาษทิชชูไปหาป่าละเมาะหลังก้อนหินข้างตลิ่ง คุ้ยดินพอเป็นหลุมแล้วหย่อนระเบิด  หลายครั้งที่ปวดท้องระหว่างทางหาห้องน้ำไม่ได้ ก็ต้องเข้าป่าแบบนี้  ทิชชูคือสิ่งจำเป็นนอกจากว่าจะมีวิชาตวัดกิ่งไม้

การเดินทางสอนให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น  ยิ้มง่าย พร้อมยื่นไม่ตรีให้กับทุกคนที่พบเจอระหว่างทาง  อยู่ง่าย พร้อมยอมรับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะน่าพอใจหรือไม่  กินง่าย มีอะไรก็กินได้ ยิ่งชอบลองอาหารต่างถิ่นแปลกๆ นี่ยิ่งสนุก  นอนง่าย ขอแค่มีสถานที่ปลอดภัย มีน้ำอาบ มีต้นไม้ให้ผูกเปล หรือมีที่ราบพอให้กางเต็นท์  และที่สำคัญต้อง ขี้ง่าย ปวดท้องก็พร้อมปลดทุกข์ ไม่ว่าจะในหรือนอกห้องน้ำ

แก่งหลวงเป็นจุดที่ลำน้ำน่านไหลผ่านแก่งหินขนาดใหญ่ จะได้ยินเสียงน้ำไหลดังสนั่นโดยเฉพาะในฤดูฝน จึงเป็นจุดล่องแก่งสำหรับนักผจญภัยทางน้ำ พอหน้าแล้งน้ำลดริมตลิ่งอวดหาดทรายขาว เป็นที่ตั้งแค้มป์ เล่นน้ำได้  เสียดายที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และห้องน้ก็ยังไม่พร้อม

ออกจากแก่งหลวงเกือบ 10 โมงเช้า บริเวณนี้เป็นจุดที่ต่ำสุดของถนนสาย 1083 พอขึ้นถนนดำก็เริ่มไต่ดอยขึ้นเรื่อยๆ  ถนนลาดยางสองเลนไม่มีไหล่ทาง สภาพไม่ค่อยดี ผิวโรยกรวดเม็ดเท่าหัวแม่มือ บางช่วงกรวดหลุดล่อนมากองรวมกันเป็นแนวอยู่ข้างถนน ยางทางเรียบมาเจอทางแบบนี้ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว  ยิ่งช่วงโค้งยิ่งต้องระมัดระวัง  สองข้างทางเป็นป่าไม่มีหมู่บ้าน สักครึ่งชั่วโมงถึงจะมีรถสวนมาสักคัน สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีให้อุ่นใจ ถ้าแหกโค้งแถวนี้มีหวังได้งานเข้าแน่ๆ  สักพักก็เริ่มเข้าเขต อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์

อัดขึ้นไหลลงดอยมาเรื่อยๆ ถึงจุดตรวจป่าไม้ พอเจ้าหน้าที่เห็นนักปั่นโซเซมาคันเดียวก็ชวนนั่งพัก แล้วรีบตักน้ำเย็นมาให้ ได้ข้อมูลมาว่าหมู่บ้านข้างหน้ายังอีกไกล  พักขาหายเหนื่อย เติมน้ำเย็นจนเต็มกระติกก็อัดขึ้นดอยต่อ มาถึงบ้านหมู่บ้านแรกคือบ้านเด่นชาติราวบ่ายโมง เจอร้านขายของร้านเดียวแวะซื้อขนมกินรองท้องไว้ก่อน  เช็คดูระยะทางจากแก่งหลวงถึงนี่ 27 กม.

ออกปั่นต่อไปหาข้าวเที่ยงข้างหน้า อีกสิบกว่ากิโลฯ ถึงหมู่บ้านปางไฮ ก็ยังไม่เจอร้านอาหาร ปั่นต่อไปถึงสามแยกเลี้ยวขวาไป อ.ฟากท่า  ขวามือมีหมู่บ้าน แต่ก็ยังไม่เห็นร้านอาหาร  แวะกินนมกับขนมรองท้องอีกหน่อย เลี้ยวซ้ายเข้าสาย 1123 ไปอีกหน่อยก็เลี้ยวขวาเข้าสาย 1241 ไปทาง อ.บ้านโคก เจอลุงกำลังเดินไปไร่ แวะถามทาง แกบอกว่าพ้นดอยนี่ไปจะมีหมู่บ้าน มีร้านอาหาร

บรรยกาศในหมู่บ้านวังสัมพันธ์



รีบขึ้นอานด้วยความรู้สึกอุ่นใจ ปั่นไปเรื่อยๆ ตามที่ลุงบอก แต่พอลงดอยแล้วไหงมีขึ้นต่ออีกลูก ลงแล้วก็ขึ้นอีก ตกลงเป็นลูกหรือเป็นเทือกครับลุง แหม่ ๆ  ก็เลยได้แต่ปั่นประคองมาเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านวังสัมพันธ์ เจอร้านขายไก่ย่างลูกชิ้นทอด รีบแวะโลด อุดหนุนไปหลายไม้แต่ไร้ข้าวเหนียว ร่างกายกำลังเรียกหาคาร์โบไฮเดรต  คนขายบอกว่าเข้าซอยข้างโรงเรียนไปจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว  ก็ปั่นตามไปเจอเด็กๆ กำลังเลิกเรียนพอดี โบกมือทักทายนักปั่นแปลกหน้ากันใหญ่  ถนนซอยแคบๆ ฝุ่นดินแดงหนาเกือบมิดหลังเท้า  เข้าไปเกือบครึ่งกิโลฯ ก็เจอร้านก๋วยเตี๋ยวที่กำลังจะเก็บร้านพอดี เลยได้นักปั่นหิวโซเป็นลูกค้ารายสุดท้ายของวัน

ตลาดนัดบ้านม่วงเจ็ดต้น


ออกจากซอยก็แวะร้านไก่ยางอีกครั้งซื้อกับข้าวตุนไว้เป็นมื้อเย็น แล้วออกปั่นต่อตามสาย 1268 ถนนสภาพไม่ค่อยดี เป็นหลุมบ่อ ไม่มีไหล่ทาง ข้างทางเป็นป่าเต็งรัง ไร่ข้าวโพด สวนยางพารา และนาข้าวในที่ลุ่ม  แวะที่ตลาดนัดชุมชนที่บ้านม่วงเจ็ดต้น หาเมนูท้องถิ่นมาเปิบพิสดารเสียหน่อย  ได้ห่อหมกหน่อไม้กับโรตี  จากนั้นก็ปั่นต่อ สักพักก็เริ่มเข้าเมืองบ้านโคก ผ่านสนามกีฬา แวะไปดูห้องน้ำ พอมีน้ำอาบได้ ข้างๆ มีทิวต้นไม้พอจะผูกเปลได้  แต่พออกไปเจอสถานีตำรวจภูธรบ้านโคก ก็เปลี่ยนใจ เลือกที่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ปั่นไปซื้อน้ำกับข้าวเหนียวที่ตลาด แล้วกลับมาที่โรงพัก ขออนุญาตตำรวจหนุ่ม เขาขอบัตรประชาชนไปลงบันทึกประจำวันไว้  ได้นิวาสถานเป็นโรงจอดรถ ผูกเปลเสร็จไปอาบน้ำซักผ้า กินมื้อเย็นเสร็จก็เปิดมือถืออัพเดทข่าวสารจากไวไฟฟรีของโรงพัก

กลางคืนอากาศหนาวมาก จัดเต็มเครื่องนอน ลองจอนในชุดนอนแขนขายาว ทับด้วยเสื้อคลุมกันลมอีกตัว  ซุกตัวเข้าถุงนอนเกือบสามทุ่ม บ้านโคกเป็นเมืองเล็กๆ ค่ำคืนเงียบสงบ  นอนคนเดียวในเมืองนี่มันได้ความรู้สึกคนละเรื่องกับนอนคนเดียวในป่าจริงๆ

วันนี้ได้ระยะทาง 65 กม. เวลาปั่น 4.45 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 13.7 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 58.5 กม./ชม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น